
ใกล้เข้าสู่ช่วงปีใหม่กันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าความเปราะบางทางสภาพเศรษฐกิจ ยังคงเดินตามติดปี 2569 ที่จะถึงนี้อย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อระบบแบงก์ไทย ที่คาดว่าจะหดตัวลง -0.7% ซึ่งนับว่าเป็นการหดตัวลงเป็นปีที่ 3 เข้าไปแล้ว แม้ในปีที่ผ่านมานี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกหนี้แล้วก็ตาม
ตลอดช่วงปี 2568 ทางธนาคารพาณิชย์ ต่างมีการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้งในรูปแบบ MLR, MOR และ MRR ที่ครอบคลุมทั้งสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ ไปจนถึง สินเชื่อส่วนบุคคล ลงมาแล้วประมาณ 0.40 - 0.90% ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในปีดังกล่าว แต่ผลของดอกเบี้ยที่ลด จากความตั้งใจที่จะช่วยแบ่งเบาต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้นั้นส่งผลอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับการปรับลดด้านต้นทุนดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่สถานการณ์เศรษฐกิจ รายได้ ความเสี่ยงด้านเครดิต ตลอดจนความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อแนวโน้มของสินเชื่อด้วยเช่นกัน โดยในปี 2569 ที่จะถึงนี้ การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงมีความเปราะบาง จากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของภาคการผลิต ที่กำลังซื้อภายในประเทศยังคงอ่อนแรง ผนวกกับภาคการส่งออกที่ยังเผชิญหน้ากับมาตรการทางการค้าที่ไม่มั่นคง เป็นผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนจากเงินทุนต่างชาติ และความระมัดระวังของคนไทยในการตัดสินใจก่อหนี้เพิ่ม ซึ่งจะกลายเป็นภาระผูกพันระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ที่การฟื้นตัวของรายได้มีความไม่แน่นอนกว่ากลุ่มธุรกิจรายใหญ่ สะท้อนจากดัชนี Diffusion Index ด้านความต้องการสินเชื่อของ SME ที่มีทิศทางชะลอลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2568 แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะยังคงทยอยลดลงก็ตาม
ดังนั้นแล้ว กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังเผชิญแรงกดดัน ได้จำกัดการฟื้นตัวของสินเชื่อ ทั้งในภาคธุรกิจและรายย่อย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า สินเชื่อระบบแบงก์ไทยในปี 2569 จะหดตัวลง -0.7% ต่อเนื่องจากที่คาดว่าจะปิดปี 2568 ที่ -2.3% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังยึดโยงกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ส่งผลให้ผู้กู้ก่อหนี้เพิ่มอย่างระมัดระวัง ซึ่งทางสถาบันการเงิน ก็จำเป็นต้องปล่อยสินเชื่อตามแนวทางที่สอดคล้องกับศักยภาพลูกหนี้ตามไปด้วย
โดยในส่วนของสินเชื่อรายย่อยนั้น ปี 2569 คาดว่าจะหดตัวลงต่อเนื่องที่ -1.0% จากข้อจำกัดด้านกำลังซื้อ รายได้ที่จำกัด และความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนที่ยังเปราะบาง โดยคาดว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ฯ จะหดตัวลง -0.5% และ -8.0% ตามลำดับ เนื่องจากการฟื้นตัวของสินเชื่อที่มีวงเงินต่อสัญญาสูง (Big-Ticket Items) จะต้องอาศัยความเชื่อมั่นในรายได้ระยะยาวของผู้กู้ ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อบัตรเครดิต อาจขยายตัวที่ 0.7% และ 1.2% ในปีหน้าตามลำดับ แต่ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเทียบกับฐานที่ต่ำในปี 2568
ส่วนสินเชื่อธุรกิจ ในภาพรวมอาจกลับมาขยายตัวที่ 0.2% ในปี 2569 เป็นเพราะ สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าสินเชื่อ SME โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จะกลับมาขยายตัวที่ 2.0% ในปีดังกล่าว ขณะที่สินเชื่อ SME อาจยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ -4.0% เพราะธุรกิจ SME ไทย ยังคงเผชิญข้อจำกัดจากการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง รวมถึงแรงกดดันเฉพาะหน้า ทั้งจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้นขึ้นในหลายภาคส่วน
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ผลบวกจากการลดดอกเบี้ยจะค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนและขยายวงกว้างมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงที่รอบการปรับดอกเบี้ยของลูกหนี้หลายกลุ่มจะเริ่มมีผลตามรอบกำหนดของสัญญาเงินกู้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยที่มียอดคงค้างสินเชื่อรวมกันประมาณ 12.5 ล้านล้านบาท โดยประมาณ 67% ของวงเงินดังกล่าว จะเข้าสู่ช่วงการปรับอัตราดอกเบี้ยภายในครึ่งแรกของปี 2569 ซึ่งทำให้ภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยลดลงอีกประมาณ 3,800 - 4,800 ล้านบาท เพิ่มเติมจากผลของการลดดอกเบี้ยที่ช่วยแบ่งเบาภาระลูกหนี้ประมาณ 17,000 - 19,500 ล้านบาทไปแล้วในปี 2568
ข่าวเด่น