
ปีนี้เป็นปีที่ 28 ที่ "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน กรณี “ที่สุดแห่งปี” โดยครอบคลุม ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่สะท้อนออกมาในด้านหน่วยงาน บุคคลที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันตลอดปี ขั้นตอนแรกได้สำรวจ ด้วยคำถามปลายเปิดให้ประชาชนเสนอบุคคลที่ตนเองชื่นชอบ จากนั้นจึงนำคำตอบมาสร้างเป็นแบบสอบถามให้ประชาชนได้ตอบแสดงความเห็นและสรุปเป็นฐานข้อมูล โดยในปี 2568 นี้ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 10,218 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 15-26 ธันวาคม 2568 สรุปผลได้ดังนี้

“ที่สุดแห่งปี 2568”
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ที่สุดแห่งปี 2568” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 10,218 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 15-26 ธันวาคม 2568 พบว่า เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2568 คือ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ร้อยละ 24.84 แผ่นดินไหวกรุงเทพฯ /ตึก สตง.ถล่ม ร้อยละ 22.92 และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อยละ 20.14 นักร้องเพลงไทยสากลที่สุดแห่งปี คือ เจฟ ซาเตอร์ ร้อยละ 40.50 นักร้องลูกทุ่งที่สุดแห่งปี คือ ก้านตอง ทุ่งเงิน ร้อยละ 35.66 ดาราที่สุดแห่งปี คือ หลิง หลิง คอง ร้อยละ 37.37 นักกีฬาที่สุดแห่งปี คือ เมย์ รัชนก ร้อยละ 29.56 นักการเมืองที่สุดแห่งปี คือ รักชนก ศรีนอก ร้อยละ 27.35 นักวิชาการที่สุดแห่งปี คือ ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา ร้อยละ 30.16 ผู้ทรงอิทธิพลของไทยแห่งปี คือ ลิซ่า BLACKPINK ร้อยละ 37.31 และความหวังในปีหน้า 2569 คือ ได้นายกรัฐมนตรี/รัฐบาลที่ดี ร้อยละ 29.81 ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ร้อยละ 27.63
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลที่สุดแห่งปีสะท้อนสังคมไทยที่เผชิญทั้งความสูญเสียและความไม่แน่นอน เหตุการณ์ใหญ่ของปีล้วนกระทบความรู้สึกและความมั่นคงของประเทศ ขณะเดียวกันบุคคลในวงการบันเทิงยังทำหน้าที่เป็นพลังบวก ช่วยพยุงความสุขและความหวังของสังคมไว้ ส่วนความคาดหวังว่า “จะได้นายกฯ และรัฐบาลที่ดี” ในปีหน้า จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนเอง
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลโพล “ที่สุดแห่งปี 2568” มิใช่เพียงสถิติปลายปี หากคือภาพสะท้อนความรู้สึกของสังคมไทยต่อรัฐในช่วงเวลาที่ความมั่นคงเชิงโครงสร้างกำลังสั่นคลอน เมื่อภัยพิบัติ การพังทลายของโครงสร้างรัฐ และปัญหาชายแดนถูกจัดวางในอันดับต้น ย่อมสะท้อนความเปราะบางของสิทธิในชีวิตและความปลอดภัยซึ่งเป็นแก่นของหลักนิติรัฐ จากความเปราะบางนั้น ความหวังของสังคมจึงมิได้พุ่งไปที่นโยบายใหม่ หากมุ่งตรงสู่การมีรัฐบาลที่ดีและคุณภาพชีวิตที่มั่นคง และเมื่อความชอบธรรมของรัฐกลายเป็นโจทย์ การเมืองรุ่นใหม่จึงถูกยกขึ้นเป็นตัวแทนของการเมืองที่ต้องตรวจสอบได้
อย่างไรก็ดี การที่ Soft Power จากศิลปินระดับโลกครองพื้นที่ความเชื่อมั่นเหนือสถาบันการเมือง ยิ่งตอกย้ำว่าพลังทางวัฒนธรรมกำลังนำหน้าพลังเชิงอำนาจ และท่ามกลางกระแสของข้อมูลที่บิดเบือน สังคมจึงหันไปให้คุณค่านักวิชาการสายเหตุผล เพื่อยึดโยงกับการค้นหาความจริง นอกจากนี้ความนิยมในนักกีฬาหญิงที่ติดอันดับต้น ยังสะท้อนการยอมรับความเสมอภาค
ในพื้นที่สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือการที่ “บุคคลผู้ทรงอิทธิพล” จากโลกบันเทิงและสื่อสามารถครองพื้นที่ความเชื่อมั่นของสังคมเหนือสถาบันการเมืองได้อย่างเด่นชัด ซึ่งมิใช่เพียงเรื่องรสนิยม หากเป็นคำถามเชิงโครงสร้างว่า สังคมไทยกำลัง “เชื่อใคร” และ “เชื่อบนฐานอะไร”
ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ข่าวเด่น