เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ติดตามศาลรัฐธรรมนูญ"


คาดตลาดแกว่งตัวผันผวนตามข่าวที่เข้ามากระทบ มีแนวต้านที่ 1095/1100 ส่วนการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1075/1068 การลงทดสอบมีโอกาสดีดกลับได้ ปัจจัยในประเทศเรื่องการเมืองติดตามการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ว่าจะรับคำร้องเรื่องคลิปเสียงและมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ 

ประเด็นสำคัญ

• ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม 1 ก.ค. 2568 เพื่อพิจารณากรณีคลิปเสียงว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับอาจมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ก็ได้ระหว่างรอคำวินิจฉัย ส่วนผลตอบแทน SET Index ในอดีตยุคพล.อ. ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เป็นลบนัก SET -0.12% ในวันที่มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 

• โฆษกรัฐบาลเผย “ทีมไทยแลนด์” นำโดย รมว. คลังได้ออกเดินทางและจะเข้าเจรจาการค้ากับ USTR ในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 21.00 น. เวลาไทย การเจรจามีเป้าหมายลดอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ลดลงจากระดับ 36% ให้เหลือต่ำที่สุด หลังไทยได้ยื่นข้อเสนอแล้วหลายครั้ง และมีกำหนดพบหน่วยงานรัฐและเอกชนในสหรัฐฯ ต่อ

• การปรับปรุงเกณฑ์คำนวณ SET50/SET50FF/SET100/SET100FF โดยจำกัดน้ำหนักรายหลักทรัพย์ให้ไม่เกิน 10% จะเริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 ปัจจุบัน DELTA มีสัดส่วนต่อ SET50 ที่ 12.77% 

• ตลาดเก็ง OPEC+ จะเร่งการเพิ่มการผลิตน้ำมันอีกเป็นเดือนที่สี่ใน ส.ค. 2568 เป็น 3 เท่าสู่ +4.11 แสนบาร์เรล/วัน แม้ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่งปรับลงแรงหลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-อิหร่าน เนื่องจากมองว่าอุปสงค์น้ำมันโลกยังแข็งแกร่ง ติดตามมติแผนการเพิ่มการผลิตในการประชุมวันที่ 6 ก.ค. นี้

• สศอ. เผยดัชนีผลผลติอุตสาหกรรม (MPI) พ.ค. 2568 ขยายตัว 1.9%YoY สู่ระดับ 100.79 หนุนโดยภาคการผลิต อย่าง อุตฯ ยานยนต์ที่ขยายตัว 12.9%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากการจองในงานมอเตอร์โชว์, มาตรการกระตุ้น ศก. และการปรับลดดอกเบี้ยโดย กนง. และการส่งออกที่ขยายตัว 11 เดือนต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนต่อ หลังยังรอความชัดเจนของปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมือง (การปรับ ครม., ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณารับคำร้องคดีคลิปเสียงนายกฯ หรือไม่ในวันที่ 1 กค. และพรรคฝ่ายค้านอาจยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 3 ก.ค.), และปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์และยังผันผวนต่อ เนื่องจากยังรอความชัดเจนทั้งปัจจัยภายนอก (ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐหลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.) และภายในประเทศ (เสถียรภาพทางการเมือง และปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา) กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF 

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT 

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC CPALL BTG 

4. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR และ 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอย่างกลุ่มปูนซีเมนต์และท่องเที่ยว แนะนำ SCC SCCC ERW CENTEL AAV

DAILY TOP PICKS

GPSC:  มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT) 

BCH: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และแนวโน้มรายได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ของ BCH เติบโต YoY และ QoQ ถือว่าดีเพราะปกติแล้วไตรมาสที่ 2 จะเป็นโลว์ซีซัน คงมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ก.ค. 2568 เวลา : 10:42:38
05-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (4 ก.ค.2568) ลบ 7.27 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.94 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และ แนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (4 ก.ค.68) ลบ 3.23 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,123.96 จุด

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) บวก 344.11 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแข็งแกร่งเกินคาด

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) ลบ 16.80 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่งเกินคาด

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (4 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนตกหนัก 70% ภาคกลาง 60% ภาคใต้ 30-40%

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (4 ก.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ก.ค. 68) ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,000 บาท

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ก.ค.68) บวก 0.56 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.77 จุด

11. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

12. ตลาดหุ้นปิด (3 ก.ค.68) บวก 11.52 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.21 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ก.ค.68) บวก 3.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.36 จุด

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (3 ก.ค.68) ภาคตะวันออก ฝนตกหนัก 80% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่น 70% เว้นภาคใต้ 60%

15. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) ลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 5, 2025, 4:01 pm