แบงก์-นอนแบงก์
ธนาคารกรุงเทพ ผนึกพลัง แบงก์เพอร์มาตา ล็อกเป้า! อินโดนีเซีย ตลาดศักยภาพสูงแห่งอาเซียน หนุนธุรกิจไทยคว้าโอกาสสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน


ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารเพอร์มาตา บริษัทในเครือธนาคารกรุงเทพ เปิดเวทีเจาะลึก ‘อินโดนีเซีย’ ตลาดใหญ่ที่มั่นคง กับเป้าหมายการก้าวขึ้นเป็นเศษฐกิจสำคัญอับดับ 4 ของโลกภายในปี 2588 พร้อม เดินหน้าหนุนผู้ประกอบการไทยคว้าโอกาสทองทางธุรกิจ ด้วยศักยภาพเครือข่ายธนาคารเพอร์มาตากว่า 200 สาขาในอินโดนีเซีย ครอบคลุมลูกค้าบุคคล ธุรกิจในประเทศ และบริษัทต่างชาติที่ต้องการลงทุนในอินโดนีเซีย ตอกย้ำบทบาท ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ เชื่อมโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
 

 
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีอัตราการเติบโตของ GDP ต่อหัวจาก 3,370 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 4,980 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงระดับความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้อินโดนีเซียเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน โดยธนาคารกรุงเทพมีความพร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย ด้วยประสบการณ์ ความเข้าใจ และเครือข่ายท้องถิ่น ในฐานะหนึ่งในบริษัทไทยกลุ่มแรกที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2511 และในปี 2563 ยังได้ตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพของอินโดนีเซียด้วยการลงทุนมูลค่า 2.3 พันล้านดอลาร์สหรัฐในธนาคารเพอร์มาตา ซึ่งนับเป็นการเข้าซื้อกิจการธนาคารในอาเซียนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตา ก้าวขึ้นจากธนาคารอันดับ 12 สู่การเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรก ด้วยเครือข่ายกว่า 200 สาขา ให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล ธุรกิจในประเทศ และบริษัทต่างชาติที่ต้องการลงทุนในอินโดนีเซีย

 
 
 
“ธนาคารกรุงเทพ เชื่อมั่นในศักยภาพของอินโดนีเซียมาโดยตลอด ที่ผ่านมาเราได้สั่งสมความรู้ ความเข้าใจ และเครือข่ายในท้องถิ่น พร้อมทั้งส่งเสริมให้บริษัทไทยอื่น ๆ เห็นถึงโอกาสในอินโดนีเซียผ่านการแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันการดำเนินธุรกิจในยุคที่มีแรงกระเพื่อมจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ และการย้ายฐานการผลิตรวมถึงกระแสย้อนกลับของโลกาภิวัตน์ นอกจากนี้การดำเนินนโยบายของประเทศขนาดใหญ่ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก จึงเชื่อมั่นว่าอาเซียนยังคงเป็นศูนย์กลางแห่งความสงบ ซึ่งไทยและอินโดนีเซียในฐานะสองเศรษฐกิจใหญ่ของภูมิภาค มีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันผลกระทบจากกระแสเศรษฐกิจโลก และยังช่วยเชื่อมโยงนักลงทุนกับโอกาสในอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย” นายชาติศิริ กล่าว
 
 
 
นางเมลิสา รุสลี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา อินโดนีเซีย ในเครือธนาคารกรุงเทพ  กล่าวว่า อินโดนีเซียมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีจำนวนประชากรสูงถึง 281 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีสัดส่วนถึง 68% ที่อยู่ในกลุ่มวันทำงาน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคม ในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยเฉพาะการดำเนินยุทธศาสตร์ “Golden Indonesia 2045” ของรัฐบาลอินโดนีเซียที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจสีเขียว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลกภายในปี 2588 รัฐบาลอินโดนีเซียยังมีนโยบายเชิงรุกในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านมาตรการสนับสนุน ทั้งในด้านกฎหมาย สิทธิประโยชน์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ ทั้งนี้ธนาคารเพอร์มาตาพร้อมผลักดันลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อคว้าโอกาส ผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาเชิงลึกด้วยเครือข่ายกว่า 240 สาขาที่ครอบคลุม 82 เมืองสำคัญทั่วอินโดนีเซีย ให้ทุกธุรกิจดำเนินการได้อย่างราบรื่น 

 
 
“ธนาคารกรุงเทพและธนาคารเพอร์มาตา พร้อมใช้ศักยภาพเครือข่าย บริการ และความเชี่ยวชาญในพื้นที่ ให้คำปรึกษาและสนับสนุนสร้างความเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนสู่ประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงและวัตถุดิบจากไทยยังเป็นที่นิยมบริโภคของคนอินโดนีเซียและมีการนำเข้าสูงเป็นอันดับต้นๆ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสของผู้ประกอบการไทย ในการเข้ามาทำตลาดหรือการค้าในอิโดนีเซียมากยิ่งขึ้น” นางเมลิสา กล่าว
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ค. 2568 เวลา : 15:35:56
05-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (4 ก.ค.2568) ลบ 7.27 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.94 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ และ แนวต้านอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (4 ก.ค.68) ลบ 3.23 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,123.96 จุด

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) บวก 344.11 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแข็งแกร่งเกินคาด

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) ลบ 16.80 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่งเกินคาด

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (4 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนตกหนัก 70% ภาคกลาง 60% ภาคใต้ 30-40%

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (4 ก.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ก.ค. 68) ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,000 บาท

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ก.ค.68) บวก 0.56 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.77 จุด

11. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

12. ตลาดหุ้นปิด (3 ก.ค.68) บวก 11.52 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.21 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ก.ค.68) บวก 3.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.36 จุด

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (3 ก.ค.68) ภาคตะวันออก ฝนตกหนัก 80% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่น 70% เว้นภาคใต้ 60%

15. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) ลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 5, 2025, 8:58 pm