เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : ทรัมป์ ย้ำชัด ไม่ผ่อนผันเวลาระงับขึ้นภาษี หวั่นประเทศคู่ค้าโดนเรียกเก็บอัตราสูงสุด 50%


 

เรียกได้ว่าทำเอาตลาดหุ้นโลกเกิดการสั่นสะเทือนทันที หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์“ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า จะไม่มีการขยายระยะเวลาการระงับใช้มาตรการการปรับขึ้นภาษีนำเข้าออกไปอีก ดังนั้นภาษีศุลกากรตอบโต้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ก.ค. 2568 นี้ ซึ่งแต่ละประเทศคู่ค้าของสหรัฐจะโดนเรียกเก็บในอัตราที่ไม่เท่ากัน โดยมีโอกาสที่จะต้องเสียภาษีในอัตรา 25% ไปจนถึงสูงสุดที่ 50%
 
แม้ว่าสงครามการค้าจะยุติไปแล้วระหว่างสหรัฐและจีน ที่ได้ลงนามข้อตกลงเจนีวา ว่าด้วยการส่งแร่หายากแลกกับการหยุดโจมตีทางด้านภาษี ซึ่งดูเหมือนว่าการตกลงของประเทศมหาอำนาจดังกล่าวจะเป็นตัวชี้นำไปสู่การเจรจาการค้าทางบวกกับอีกหลาย ๆ ประเทศ และอาจขยายระยะผ่อนผันการปรับขึ้นภาษีนำเข้าออกไปมากกว่า 90 วัน แต่ท่าทีของสหรัฐกลับไม่เป็นดั่งที่นักลงทุนคาดไว้ เพราะล่าสุด ทรัมป์ได้มีการประกาศชัดว่า เขาไม่มีแผนที่จะขยายเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังจากวันที่ 9 ก.ค. 2568 อันเป็นเส้นตายที่ทรัมป์กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลสหรัฐจะมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด ภายใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนวันที่จะมีผลบังคับใช้ (ในวันที่ 9 ก.ค. ไม่ใช้เส้นตายแบบเฉพาะเจาะจง อาจมีการบังคับใช้มาตรการภาษีก่อนหรือหลังจากนั้นก็ได้) ซึ่งอัตราการเรียกเก็บ สหรัฐจะพิจารณาจากท่าทีของประเทศนั้น ๆ ว่าสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้หรือไม่ หากสหรัฐอยู่ในสภาวะที่เสียเปรียบด้านดุลการค้า ที่ทรัมป์มองว่าประเทศนั้นแข็งข้อ ไม่ยอมโอนอ่อน ก็มีโอกาสที่อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับที่สูงกว่าที่ทรัมป์ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ และอาจสูงสุด 50%
 
โดยเมื่อพิจารณาบรรดาฝั่งประเทศในเอเชีย พบว่ายังคงมีความเสี่ยง โดยเฉพาะกับทางประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์ได้มีการขู่ขึ้นภาษีในอัตรา 30-35% จากสาเหตุที่ทรัมป์มองว่าญี่ปุ่นเอาเปรียบสหรัฐมาโดยตลอด (ขาดดุลกับญี่ปุ่น 40 ปี) และญี่ปุ่นยังคงไม่ยอมนำเข้าข้าวและรถยนต์จากสหรัฐในสัดส่วนที่มากพอ เพื่อทำให้การค้าระหว่างสองประเทศสมดุลกัน
 
ขณะที่เกาหลีใต้ คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเจรจาขอขยายระยะเวลาการขึ้นภาษีได้ ส่วนอินเดีย ก็ดูเหมือนว่าข้อตกลงทางการค้าจะเป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น ภาษีเฉพาะอุตสาหกรรมที่จะมีขึ้น และการเปิดตลาดสำหรับพืชดัดแปลงพันธุกรรมจากสหรัฐ สอดคล้องไปกับทิศทางที่นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย (ASPI) ให้ความคิดเห็นว่า เวียดนาม, อินเดีย และไต้หวัน ยังคงเป็นประเทศที่มีแนวโน้มดีสำหรับข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ
 
อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์จะมีการประกาศว่าจะไม่ผ่อนผันการระงับขึ้นภาษี แต่ทางด้านนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ที่กล่าวถึงการดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐว่ามีกรอบการสรุปข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ภายในวันแรงงานแห่งชาติสหรัฐ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ก.ย. นี้ โดยได้ระบุว่าตอนนี้มีการหารือกับประเทศคู่ค้าอยู่ 18 ราย แปลได้ว่า ในหลาย ๆ ประเทศที่เข้ามาขอเจรจากับสหรัฐ อาจได้รับการขยายระยะเวลาการระงับอัตราภาษีที่สูงขึ้นชั่วคราว หรือไม่ก็อาจมีบางประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงจริงหลังวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งในแต่ละประเทศจะได้ดีลไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทรัมป์เอง ตามที่ทรัมป์ได้กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาอาจจะขยายเส้นตาย หรือทำให้มันสั้นลงก็ได้เช่นกัน
 
ความสุ่มเสี่ยงของการบังคับใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐที่มีความไม่แน่นอนดังกล่าวนี้ จึงส่งผลต่ออารมณ์ของตลาด โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ (2 ก.ค. 2568) อย่างดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่น ที่ทางสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตลาดปิดที่ระดับ 39,762.48 จุด ลดลง 223.85 จุด หรือ -0.56% และขณะช่วงหนึ่งของวันมีการร่วงลงกว่า 500 จุดเลยทีเดียว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเช้านี้ (2 ก.ค.68) เวลา 12.30 น. ดัชนีปิดอยู่ที่ 1,105.42 จุด ปรับตัวลดลง 4.59 จุด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยเข้ามาหนุน และยังรอผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐ แม้ช่วงท้ายตลาดจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างทำให้ดัชนีสามารถยืนในแดนบวกได้ก็ตาม ( บวก 5.68 จุด ดัชนีปิดที่ 1,115.69 จุด)

LastUpdate 02/07/2568 20:11:29 โดย : Admin
04-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

2. ตลาดหุ้นปิด (3 ก.ค.68) บวก 11.52 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.21 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ก.ค.68) บวก 3.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.36 จุด

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (3 ก.ค.68) ภาคตะวันออก ฝนตกหนัก 80% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่น 70% เว้นภาคใต้ 60%

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) ลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) บวก 9.90 เหรียญ จ้างงานชะลอตัวหนุนเฟดลดดอกเบี้ย

7. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,315 เหรียญ และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (3 ก.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (3 ก.ค. 68) ปรับลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,050 บาท

11. ตลาดหุ้นเปิดวันนี้ (3 ก.ค.68) ลบ 0.39 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.30 จุด

12. ตลาดหุ้นปิด (2 ก.ค.68) บวก 5.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,115.69 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ก.ค.68) ลบ 4.59 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,105.42 จุด

14. MTS Gold คาดราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,400 บาท/บาททองคำ

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ก.ค.68) ฝนตกหนักในภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 80% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง 70% ภาคใต้ 60%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 4, 2025, 1:07 am