เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "รอความชัดเจนภาษีสหรัฐฯ เร็วๆ นี้"



คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น หลังไม่หลุดต่ำกว่า 1105/1100 ไม่หลุดต่ำกว่าจะเป็นการแกว่งตัวเพื่อรอขึ้น มีแนวต้านที่ 1120/1128 ผ่านได้จะเป็นสัญญาณยืนยันของการแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ รอประกาศภาษีศุลกากรสหรัฐฯ กับไทยก่อน 9 ก.ค. นี้ หากไม่สูงไปกว่า 15% คาดว่าตลาดจะตอบสนองเชิงบวก หลังสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าเวียดนามเหลือ 20% จากเดิม 46%

ประเด็นสำคัญ

• ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ และ 40% สำหรับสินค้าสวมสิทธิ์ (Transshipping) และเวียดนามจะเปิดตลาดให้สหรัฐฯ นำสินค้ามาขายโดยไม่เสียภาษีเป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในแง่ของความชัดเจนโดยเดิมสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเวียดนามที่ 46%

• แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลเผยมี 2 แนวทางในการเร่งเบิกจ่ายวงเงินกระตุ้น ศก. ส่วนที่เหลือ 4.78 หมื่นลบ. ให้ทันก่อนวันที่ 30 ก.ย. นี้ ท่ามกลางภาวะนายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ จัดสรรให้กับโครงการกระตุ้น ศก. ของมหาดไทย หรือ ครม. มอบหมาย รมว. คลังซึ่งเป็นรองนายกฯ เป็นผู้อนุมัติในชั้นอนุฯ คกก. และบอร์ดชุดใหญ่ โดยในวันพรุ่งนี้หลังการนำ ครม. ใหม่ถวายสัตย์

• กกร. คงประมาณการ ศก. ไทยปี 2568 ที่ 1.5-2.0% (เรามองราว 1.4%), การส่งออก -0.5% ถึง 0.3% (เรามอง -3%) และเงินเฟ้อ 0.5-1.0% (เรามอง 0.5%) ส่วนใน 2H68 มอง ศก. จะเผชิญความไม่แน่นอนต่างๆ รุมเร้าและแนะ ธปท. ดูแลค่าเงินบาทผ่านการลดดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับภูมิภาค หลังบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว

• บอร์ด กสทช. มีมติเอกฉันท์เลื่อนการรับรองผลประมูลคลื่นความถี่เป็นวันที่ 6 ก.ค. แทน เนื่องจากต้องใช้เวลาพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับผลการประมูลจากบริษัทที่ปรึกษาที่ได้รับวานนี้ 

• ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ใน มิ.ย. ลดลง 33,000 ตำแหน่ง ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี จากภาคบริการและกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่มีการลดลงของแรงงานชัดเจน ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย. ที่จะรายงานในคืนวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนต่อ หลังยังรอความชัดเจนของปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์และยังผันผวนต่อ เนื่องจากยังรอความชัดเจนทั้งปัจจัยภายนอก (ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐหลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.) ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF 

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT 

3. หุ้น Earning sPlay ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC CPALL BTG 

4. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR และ 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอย่างกลุ่มปูนซีเมนต์และท่องเที่ยว แนะนำ SCC SCCC ERW CENTEL AAV

DAILY TOP PICKS

KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น มีโอกาสมีแรงซื้อเข้ามาตามภาพของตลาด เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร มี Upside จากการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลเพิ่ม และ Credit Cost สูงสุดใน1Q68 แล้วมีโอกาสลดลงในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี LLR Coverage สูง

BCH: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น จากแนวโน้มงบ 2Q68 คาดว่าจะออกมาดี รายได้ที่เร่งตัวขึ้นมีโอกาสหนุนให้กำไรหลักของ BCH ให้เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ใน Low Season และคาดว่าโมเมนตัมกำไรจะดีต่อเนื่องใน 3Q68 ซึ่งเป็นช่วง High Season ส่วนเรื่องไทย-กัมพูชา แต่เรามองว่าผลกระทบจำกัด ผู้ป่วยกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1.7% ของรายได้เท่านั้น คาดว่ากำไรหลักปี 68 บริษัทจะยังสามารถเติบโตได้ 15%YoY
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ก.ค. 2568 เวลา : 11:48:31
04-07-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) บวก 344.11 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแข็งแกร่งเกินคาด

2. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 ก.ค.68) ลบ 16.80 เหรียญ กังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่งเกินคาด

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (4 ก.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนตกหนัก 70% ภาคกลาง 60% ภาคใต้ 30-40%

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (4 ก.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (4 ก.ค. 68) ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,000 บาท

7. ตลาดหุ้นไทยเปิด (4 ก.ค.68) บวก 0.56 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.77 จุด

8. ประกาศ กปน.: 19 ก.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

9. ตลาดหุ้นปิด (3 ก.ค.68) บวก 11.52 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,127.21 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (3 ก.ค.68) บวก 3.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,119.36 จุด

11. พยากรณ์อากาศวันนี้ (3 ก.ค.68) ภาคตะวันออก ฝนตกหนัก 80% กรุงเทพปริมณฑล และภาคอื่น 70% เว้นภาคใต้ 60%

12. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) ลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ก.ค.68) บวก 9.90 เหรียญ จ้างงานชะลอตัวหนุนเฟดลดดอกเบี้ย

14. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,315 เหรียญ และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 3,370 เหรียญ

15. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 4, 2025, 12:31 pm