เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "พักตัว ปัจจัยภายนอกกดดัน"


 

คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/พักตัว ปัจจัยในประเทศ จับตาการประกาศงบฯ 3Q68 วันสุดท้ายอาจมีความผันผวนจาก Sell on Fact ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเฟดปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่วนจีนวันนี้มีรายงานข้อมูลศก. เช่น ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดเอเชียเช้านี้ ทางเทคนิคหากดัชนีไม่ยืนเหนือ 1285 จะเป็นสัญญาณลบ มีโอกาสลงมาแนวรับถัดไปที่ 1275/1265 ส่วนแนวต้านที่ 1295/1300

ประเด็นสำคัญ

• การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ยุติลงและกินเวลาทำสถิตินานถึง 42 วัน แต่คงมีความเสี่ยงที่หน่วยงานรัฐบาลจะถูกปิดชั่วคราวอีกครั้งเนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจัดสรรงบฯ ให้ถึงวันที่ 30 ม.ค. 2569

• นลท. ลดความคาดหวังเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค. จากการปิดหน่วยงานรัฐบาลอาจทำให้ไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานใน ต.ค. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจด้านนโยบายของเฟด

• IEA เพิ่มคาดการณ์การเติบโตอุปทานน้ำมันดิบโลกขึ้นเป็น +3.1MBD และ +2.5MBD ในปี 2568 และ 2569 และประเมินตลาดน้ำมันจะเกินดุลมากขึ้นถึง 4MBD ในปี 2569 (ราว 4% ของอุปสงค์โลก) สอดคล้องกับ OPEC ที่เพิ่มคาดการณ์อุปทานโลกและมองจะเกินดุลเล็กน้อย

• นายกฯ หนุนเปิดสภาสมัยวิสามัญฯ เพื่อเร่งแก้ รธน. วาระ 2 และ 3 ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2568 ตาม MOA ที่ทำร่วมกับพรรคประชาชน เป็นสัญญาณย้ำความชัดเจนที่จะมีการยุบสภาเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งภายในกรอบเวลาเดิมก่อน ม.ค. 2569

• คกก. นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอลแห่งชาติเห็นชอบการขยายระยะเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลได้ในช่วง 14:00-17:00 น. เพื่อกระตุ้น ศก. และส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล โดยจะทดลองอนุญาตเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อศึกษาผลกระทบ คาดมีผลภายใน ธ.ค. 2568 เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงแรม

• คลังเตรียมเสนอแผนการคลังระยะปานกลางต่อที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า วางกรอบลดขาดดุลต่ำกว่า 3% ต่อ GDP ภายในปี 2572 และรักษาระดับหนี้สาธารณะไม่เกิน 70% ต่อ GDP เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านวินัยการเงินการคลังและหลีกเลี่ยงการถูกลดอันดับโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1285-1345 จุด หลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบ 3Q68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector ที่คาดว่าจะเห็นสัญญาณฟื้นตัว รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล แนะนำติดตามการปรับตัวลงของดัชนีมาที่กรอบล่าง 1285 หากหลุดต่ำกว่าจะมีความเสี่ยงของการลงรอบใหม่ในทางเทคนิค ขณะที่ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) การปิดหน่วยงานของราชการสหรัฐฯ เป็นเวลา 42 วันที่ยุติลงแล้วและ จนท. เริ่มทยอยกลับมาทำงาน 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญที่จะกลับมารายงาน ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 3) PMI ภาคการผลิตและยอดค้าปลีก ต.ค. ของจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าที่จะมีผลต่อจิตวิทยาและบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบเนื่องจากเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 3Q68 “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 4Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ BCPG BEM BGRIM MTC PTT

2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q68 เติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY แนะนำ BGRIM GFPT MTC CPALL BEM และ 2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย  

Daily Top Picks

BDMS: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไรที่จะมีโมเมนตัมดีขึ้นต่อเนื่อง รายได้ใน ต.ค. 2568 +7%YoY เร่งขึ้นจากใน 3Q68 ที่ +1%YoY หนุนจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่และการเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าประกันและผู้ป่วยต่างชาติ ราคาหุ้นยัง Laggard ซื้อขาย PER 2569F ที่ 17.6x ต่ำกว่าระดับ -2S.D. เป้าหมายระยะสั้น 20.20 บาท

LHHOTEL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไรปกติ 3Q68 ที่ดีกว่าตลาดคาด แม้ลดลง 15%YoY แต่เติบโต 30.7%QoQ สะท้อนว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดในไปแล้ว และกำไรใน 4Q68 คาดจะเติบโต QoQ แข็งแกร่งต่อเนื่อง หนุนจากปัจจัยฤดูกาลและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล เป้าหมายระยะสั้น 12.60 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 พ.ย. 2568 เวลา : 11:26:45
14-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. พยากรณ์อากาศวันนี้ (14 พ.ย.68) ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา "ยอดดอย - ยอดภู" อากาศหนาวเย็น 9-10 องศา "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้" ฝนฟ้าคะนอง 40%

2. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (13 พ.ย.68) ร่วง 797.60 จุด นักลงทุนลดความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 พ.ย.68) ลบ 19.1 ดอลลาร์ วิตกเฟดเมินลดดอกเบี้ย

4. MTS Gold คาดราคาทองคำทิศทางโดยรวมยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น "Sideway Up" แนวรับที่ 63,800 บาท และแนวต้านที่ 64,700 บาท

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (14 พ.ย.68) ร่วงลง 600 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,950 บาท

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (14 พ.ย.68) ลบ 7.35 จุด ดัชนี 1,280.09 จุด

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (14 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25 - 32.50 บาท / ดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นปิด (13 พ.ย.68) บวก 2.63 จุด ดัชนี 1,287.44 จุด

10. พยากรณ์อากาศวันนี้ (13 พ.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้" ฝนฟ้าคะนอง 40% ภาคเหนือ 30% ภาคอีสาน 10% และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (13 พ.ย.68) บวก 3.14 จุด ดัชนี 1,287.95 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,180-4,150 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,230-4,250 เหรียญ

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (12 พ.ย.68) พุ่งทำนิวไฮ บวก 326.86 จุด รับความหวังชัตดาวน์ใกล้สิ้นสุดลง

14. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.55 บาท / ดอลลาร์

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (12 พ.ย.68) พุ่ง 97.3 ดอลลาร์ รับบอนด์ยีลด์ร่วง-ชัตดาวน์ใกล้ยุติ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 14, 2025, 1:42 pm