
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ (คณะกรรมการวินิจฉัย) ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดซื้อ สำหรับการซื้อครั้งหนึ่งที่มีวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท โดยให้มีขั้นตอนที่กระชับขึ้น สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. การทำรายงานขอซื้อ ให้มีรายละเอียดเพียง 3 รายการ ได้แก่ 1) รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่จะซื้อ 2) วงเงินงบประมาณ และ 3) ราคากลาง (โดยใช้วงเงินงบประมาณเป็นราคากลาง) จากเดิมที่ต้องจัดทำอย่างน้อย 8 รายการ
2. หน่วยงานของรัฐสามารถยืมเงินหรือใช้เงินสดสำรองจ่าย ไปดำเนินการจัดซื้อในครั้งนั้น ๆ ได้
3. ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ซื้อในครั้งนั้นเป็นผู้ตรวจรับได้
4. การเลือกผู้ประกอบการ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้มีการประกาศราคาสินค้าเป็นสาธารณะ และต้องสามารถออกหลักฐานการชำระเงินในรูปแบบใบรับหรือใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่มีรายละเอียดตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนดได้
5. ให้จัดทำรายงานสรุปผลการจัดซื้อในครั้งนั้น เสนอต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจดำเนินการภายใน 5 วันทำการ นับถัดจากวันที่ได้ดำเนินการจัดซื้อ
6. จัดทำประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อหรือผู้ที่ได้รับการคัดเลือก และดำเนินการประกาศผลในระบบ e-GP เป็นรายไตรมาส
อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวทิ้งท้ายว่า แนวทางการปฏิบัติสำหรับการจัดซื้อวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ดังกล่าว มีผลใช้บังคับกับการจัดซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินการจัดซื้อของหน่วยงานของรัฐ มีความคล่องตัวมากขึ้น ทำให้หน่วยงานของรัฐสามารถเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าในราคาที่มีการประกาศเป็นการทั่วไปแทนการต้องหาคู่เทียบ 3 ราย อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาพัสดุของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่
ข่าวเด่น