
แม้ญี่ปุ่นกับจีน จะมีความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะปมเรื่องอาชญากรรมสงคราม อย่างการสังหารหมู่ที่นานกิง (Nanjing Massacre) และการรุกรานของจักรวรรดิญี่ปุ่น แต่ในช่วงศตวรรษปัจจุบันนี้ ทั้งสองชาติมีการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในฐานะคู่ค้าคนสำคัญที่ถือได้ว่าทรงอิทธิพลในระดับโลกเลยทีเดียว ทั้งการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าการลงทุน มีการพึ่งพาสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการบริโภคสื่อบันเทิง และการท่องเที่ยวที่ไปมาหาสู่ระหว่างประชากรทั้งสองชาติ แม้ว่าจะมีความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ปะทุขึ้นมาเนือง ๆ ก็ตาม
แต่นับจากที่ “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ได้ก้าวขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น คนปัจจุบัน ด้วยบทบาทของการเป็นนักการเมืองฝ่ายขวาอย่างชัดเจน ซานาเอะในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิเพื่อสักการะทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งจัดเป็นอาชญากรสงครามในสายตาโลก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกและจีนที่ถูกกองทัพญี่ปุ่นรุกรานโดยตรง ดังนั้นเองจึงเหมือนเป็นการแสดงท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจีน เพราะเหมือนกับว่าญี่ปุ่นยังไม่สำนึกต่อเหตุการณ์ในอดีต
และจากนั้น ความขัดแย้งระหว่างกันก็ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการ เมื่อซานาเอะได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ตีความมุ่งตรงไปทางจีนว่า หากจีนใช้กำลังยึดไต้หวัน ก็นับว่าเข้าข่ายการคุกคามการอยู่รอดของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นสามารถป้องกันตนเอง โดยเปิดทางให้ใช้กำลังทหารร่วมกับสหรัฐตามกฎหมายได้ โดยการประกาศครั้งนี้ญี่ปุ่นได้ยืนหยัดในจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนว่าพร้อมจะแทรกแซงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่องแคบไต้หวัน แม้จีนจะออกคำขู่ และขอให้ถอนคำพูดที่แสดงถึงการแบ่งแยกดินแดนจีนก็ตาม ทำให้เรื่องราวบานปลายจนสั่นคลอนความสัมพันธ์ทางการทูต และความสัมพันธ์ของภาคประชาชนระหว่างจีนและญี่ปุ่น โดยล่าสุดทางการจีนได้ออกคำเตือนให้ประชาชนของตนเองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากจุดยืนของญี่ปุ่นได้เป็นภัยต่อพลเมืองจีนที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นแล้ว
รอยร้าวดังกล่าวได้ส่งผลให้บริษัททัวร์จีนระงับขายทริปไปญี่ปุ่น รวมถึงสายการบินหลักของจีนก็อนุญาตให้ผู้โดยสารยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินไปยังญี่ปุ่นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย ซึ่งความน่ากลัวก็คือ ในช่วงเดือนม.ค.- ก.ย. 2568 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นสูงถึง 7.49 ล้านคน เพิ่มขึ้น 42.7% จากปีก่อนหน้า โดยจัดเป็นชาติที่มีจำนวนมากที่สุดจากชาวต่างชาติทั้งหมดที่มายังญี่ปุ่นทั้งสิ้น 31.65 ล้านคน ดังนั้นความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นโดยตรงอย่างแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวจีนจัดเป็น กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง (อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่า ในช่วงเดือนก.ค. - ก.ย. 2568 นักท่องเที่ยวจีนเป็นประเทศที่ใช้จ่ายสูงสุดในญี่ปุ่นประมาณ 590,000 ล้านเยน หรือราว 123,000 ล้านบาท) โดยระหว่างวันที่ 15 - 17 พ.ย. นี้ มีตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นถูกยกเลิกไปแล้วประมาณ 500,000 ใบ คิดเป็นสัดส่วนการยกเลิกที่ 33% สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อวันที่อยู่เพียง 5% เท่านั้น
ตรงนี้จึงอาจกลายเป็นจังหวะของไทย ที่มีโอกาสกอบกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในสายตาชาวจีนอีกครั้ง หลังจากช่วงต้นปีที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในไทยจากข่าวอาชญากรรมจนนักท่องเที่ยวจีนลดลง โดยในขณะนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เตรียมแผนที่จะต่อยอดตลาดจีน ผ่านกิจกรรมกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ 1. แคมเปญ “ความสัมพันธ์ไทย-จีน ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” ด้วยการนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมไทย-จีน ชุมชนไทย-จีน อาหารไทยที่มีรากฐานมาจากจีน รวมถึงชุดผ้าไทย ฯลฯ 2. การจัดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พัก เพื่อเสนอขายแก่นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองร่วมกับแพลตฟอร์มจองท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA: Online Travel Agents) 3. จัดทำโปรโมชั่นแพ็กเกจท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ “จงไท่อี้เจียซิน” ร่วมกับบริษัททัวร์ในจีน เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปี 2569 และ 4.การทำแพ็กเกจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงนำเที่ยวชุมชนสัมพันธ์ไทย-จีน ร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ด้วยการจัดทำเส้นทางใหม่ ๆ เช่น เส้นทางตลาดน้อย-ตลาดพลู-เยาวราช ในกรุงเทพ, เส้นทางชุมชนซากแง้ว ชลบุรี, เส้นทางจันทบุรี, เส้นทางเมืองเก่าในนครสวรรค์ กับภูเก็ต และเส้นทางเมืองสร้างสรรค์ น่าน และสุพรรณบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเสด็จฯ เยือนจีนของในหลวงและพระราชินี โดยมี สี จิ้นผิงประธานาธิบดีจีน จัดพิธีต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ก็คาดว่ามุมมองเชิงลบของชาวจีนที่มีต่อประเทศไทยก่อนหน้านี้จะลดลง อ้างอิงจากกระแสตอบรับของชาวจีนในสื่อออนไลน์ที่ดีเกินคาด โดยทางเลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเพิ่มเป็น 20,000 - 25,000 คนต่อวัน ซึ่งจะหนุนยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในปี 2568 นี้ ทั้งสิ้นแตะ 5 ล้านคน
ข่าวเด่น