เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Scoop : ความเสี่ยงการเมืองสหรัฐปี 2026 อาจทำตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลง-ทองคำปรับฐาน


 
สำหรับ Midterm Elections ของสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้ จะทำให้การเมืองภายในประเทศมหาอำนาจกลับเข้าสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง จากการแย่งที่นั่งในสภาครองเกรสระหว่างพรรครีพับลิกัน VS พรรคเดโมแครต ที่ต่างฝ่ายจะนำประเด็นที่มีอิทธิพลในสังคม มาเรียกฐานเสียงให้พรรคของตัวเองซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนของทิศทางนโยบายที่กระทบต่อตลาดการเงินค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกลยุทธ์การลงทุนหุ้นแบบ “Buy the Dip” ที่อาจจะใช้ไม่ได้ เนื่องจากตลาดหุ้นที่เสี่ยงเข้าสู่ขาลง และประเด็นของราคาทองคำที่อาจเจอการปรับฐาน
 
ตามปกติในสภาวะที่การเมืองยังคงอยู่ในวาระที่ผู้นำหรืออำนาจในสภายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นในสมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตนเป็นผู้ที่นำสหรัฐ ที่ขึ้นชื่อว่าดำเนินนโยบายอย่างตามใจตัวเองก็ตาม แต่ตลาดการเงิน ก็พอจะสามารถคาดเดาแนวทางหรือ Theme หลักของพรรคที่คุมอำนาจอยู่ได้ว่า จะมีการออกนโยบาย และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ไปในทิศทางแบบไหน ซึ่งก็จะมีรูปแบบการลงทุนที่ล้อไปกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่เมื่อถึงช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจสภาอย่าง Midterm Elections 2026 หรือการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ นโยบายบางอย่างอาจถูกชะลอ หรือปรับใหม่ ซึ่งเป็นความไม่แน่นอนที่ทำให้การเงินการลงทุนไม่นิ่งไปด้วย
 
เพราะการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ เป็นการเลือกตั้งกลางวาระของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีทั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (United States House of Representatives) ทั้ง 435 ที่นั่งจะถูกโหวตใหม่ทั้งหมด และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน 35 ที่นั่ง (จาก 100 ที่นั่ง) นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐ ทั้งในระดับรัฐและเขตปกครองตนเองอีกด้วย ซึ่งผลของการเลือกตั้งในช่วงกลางปีนี้ มีความสำคัญมาก เพราะพรรคที่ครองที่นั่งในสภาครองเกรส จะมีผลต่อความสามารถของประธานาธิบดีในการผลักดันกฎหมาย การออกนโยบาย รวมถึงการดำเนินงานต่าง ๆ ในสภา ซึ่งแน่นอนว่าก็จะมีผลกระทบออกไปสู่ประเทศอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ การค้า หรือการลงทุน
 
โดยส่วนมาก ในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ประชาชนบางส่วนจะใช้โอกาสแสดงความไม่พอใจต่อประธานาธิบดีหรือรัฐบาล ซึ่งในบริบทปัจจุบัน ที่พรรครีพับลิกัน นำโดย ทรัมป์ เป็นรัฐบาลสหรัฐสมัยปัจจุบัน เราก็ได้เห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และความไม่พอใจของประชาชนในฝ่ายซ้ายกันอยู่แล้ว เช่นประเด็นการขับไล่ผู้อพยพ หรือค่าครองชีพที่แพงขึ้นจากมาตรการทางภาษีศุลกากร ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้พรรคเดโมแครตได้เข้ามาตอบสนองความต้องการของประชาชนด้วยการหาเสียง ในประเด็นที่มีลักษณะสร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้าง หรือประเด็นแรง ๆ เพื่อเรียกฐานเสียง ซึ่งทำให้เกิดการต่อสู้กันระหว่างสองพรรคด้วยนโยบายหรือแนวทางการดำเนินงานที่ประกาศให้สังคมโลกรับรู้ โดยได้นำไปสู่การประโคมข่าวไปมา อาจจะมีข่าวว่านโยบายบางอย่างอาจถูกชะลอ หรือปรับใหม่ เพราะสมาชิกสภาก็มีความกลัวว่าจะเสียคะแนนก่อนการเลือกตั้ง
 
ดังนั้นก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง Midterm Elections ในวันที่ 3 พ.ย. 2026 การเมืองของสหรัฐจะถูกปกคลุมด้วยความไม่แน่นอน ส่งผลต่อทิศทางการลงทุนที่ไม่แน่นอนและมีความผันผวนไปมาตามข่าวการเลือกตั้งที่ออกมา จวบจนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกว่าฝ่ายไหนคุมสภาครองเกรสได้ ฉะนั้นแล้วในช่วงที่ตลาดมักจะผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ที่นักลงทุนไม่รู้ว่านโยบายเศรษฐกิจ มาตรการภาษีและการค้า จะเปลี่ยนไปในทางไหน การลงทุนในตลาดหุ้นจะเสี่ยงที่จะเข้าสู่ช่วงขาลง เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวกดดันราคา คนในตลาดไม่กล้าซื้อ แนวโน้มของ Volume จะมีแรงขายที่มากกว่าซึ่งเสี่ยงมากหากจะใช้ การซื้อ ณ จุดต่ำสุด หรือ Buy the Dip เพราะราคาอาจมีการลดเพดานลงไปเรื่อย ๆ ผู้คนมักจะมีการถือเงินสดไว้กับตัวมากกว่า ส่วนทองคำ ที่ถูกมองว่าเป็น Safe Haven ในช่วงที่มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แม้ปกติจะผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้นได้ แต่ราคาทองคำที่เคยพุ่งสูงที่สุดมาแล้วและตกลงมา อาจเสี่ยงต่อการปรับฐาน จากแรงขายทำกำไรที่สะสมเอาไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงการที่สถานการณ์เมืองสหรัฐอยู่ในช่วงผันผวนที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็สร้างความผันผวนให้ทองคำได้เช่นกัน
 
ซึ่งไม่ว่าปีหน้านโยบายหาเสียงระหว่างสองพรรคจะเป็นแบบไหน และตลาดการเงินจะมีความผันผวนเท่าใด หากเลือกลงทุนในระยะยาวที่ใช้การเข้าซื้อสะสม ก็อาจจะมองว่าเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะหุ้นใหญ่หรือหุ้นพื้นฐานดี ที่มีโอกาสกลับขึ้นมาอีกครั้ง ตามที่ตลาดหุ้นสหรัฐในเชิงสถิติมักจะรีบาวน์ขึ้น หลังผลการเลือกตั้งที่นโยบายเข้าสู่ความแน่นอนแล้วเสมอ
 
 

LastUpdate 11/12/2568 12:58:48 โดย : Admin
12-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง

2. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสิรินธร

3. ตลาดหุ้นปิด (11 ธ.ค.68) ลบ 16.33 จุด ดัชนี 1,253.54 จุด

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (11 ธ.ค.68) ลบ 14.54 จุด ดัชนี 1,255.33 จุด

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 ธ.ค.68) ร่วง 11.50 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (10 ธ.ค.68) พุ่ง 497.46 จุด รับเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (11 ธ.ค.68) ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น 40-60% ตกหนักหลายพื้นที่ ภาคตะวันออก 30% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน 20% ภาคกลาง 10%

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (11 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (11 ธ.ค.68) บวก 3.64 จุด ดัชนี 1,273.51 จุด

11. ทองเปิดตลาดวันนี้ (11 ธ.ค.68) ปรับขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,350 บาท

12. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,200-4,180 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,250-4,280 เหรียญ

13. ตลาดหุ้นปิด (9 ธ.ค.68) บวก 8.48 จุด ดัชนี 1,269.87 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 ธ.ค.68) บวก 3.83 จุดดัชนี 1,265.22 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่วงปลายของกรอบแคบ รอการเลือกทาง "Breakout" แนวรับที่ 4,180-4,160 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,230-4,260 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 12, 2025, 7:42 am