เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เฟดกลับมาซื้อ T-bill เร็วกว่าคาด"


คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ DELTA ยังเป็นหุ้นที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะสั้น ติดตามเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) เพิ่มเติม ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชารุนแรงขึ้น แต่ตลาดเริ่มชินหากการปะทะยังอยู่ตามแนวชายแดน ปัจจัยต่างประเทศ ผลการประชุมเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด แต่จะกลับมาซื้อ T-bills มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เริ่มศุกร์นี้ หนุนจิตวิทยาสั้น ทางเทคนิค หากยังแกว่งในกรอบตลาดไม่ควรหลุดแนวรับ 1258/1250 การปรับตัวขึ้นมีแนวต้าน 1273/1280

ประเด็นสำคัญ

• FOMC มีมติ 9 ต่อ 3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50%-3.75% ตามตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 อีกทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ในปี 2569 เป็น +2.3% จากระดับ +1.8% และคงคาดอัตราว่างงานในปี 2569 ไว้ที่ระดับ 4.4%

• วันนี้ ติดตามกระทรวงการคลังชี้แจงรายละเอียดโครงการบัญชีการออม TISA ก่อนนำเข้าสู่ ครม. สัปดาห์หน้า โดยเฉพาะ การปฏิรูปโครงสร้างสิทธิประโยชน์ทางภาษี, เพดานลดหย่อนภาษีรวม 8 แสนบาท/ปี และยอดเงินออมลดหย่อน 1.3 และ 0.7 เท่าสำหรับผู้มีเงินได้สุทธิต่ำกว่าและสูงกว่า 1.5 ลบ./ปี ตามลำดับ

• โฆษกรัฐบาลเผยที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณา “คนละครึ่งพลัส” เฟสสอง เพื่อกระตุ้นการบริโภคต่อเนื่องในปี 2569 คาดว่าจะมีจำนวน 10 ล้านสิทธิ์ คนละ 2,000 บาท วงเงินรวม 2.2 หมื่นลบ. และคาดจะเปิดลงทะเบียนช่วงปลาย ธ.ค. นี้ และเริ่มใช้ใน ม.ค. 2569

• งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ช่วง 12 วัน (28 พ.ย. – 9 ธ.ค.) มียอดจองรถยนต์ทั้งสิ้น 60,525 คัน นำโดย โตโยต้า, บีวายดี, ฮอนด้า ด้านผู้จัดงานคาดในวันสุดท้าย (10 ธ.ค.) จะหนุนยอดจองรวมทะลุ 65,000 คัน สูงขึ้นจากปี 2567 ที่ 54,513 คัน

• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยสัปดาห์ก่อนจำนวน 669,991 คน เพิ่มขึ้น 5.5%WoW โดยการเติบโตเพิ่มขึ้นจากมาเลเซีย +27.7%WoW, เกาหลีใต้ +7.1%WoW, อินเดีย +6.6%WoW, จีน +4.1%WoW ด้าน ททท. ประเมิน นทท. ต่างชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนืองหนุนจาก High Season ของตลาดระยะไกล

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1250-1320 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญติดตาม ได้แก่ ผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด (11 ธ.ค.) ซึ่งล่าสุดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.75% ตามตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 และปรับเพิ่ม GDP สหรัฐฯ ปี 2569 เป็น 2.3% จากระดับ 1.8%  ขณะที่ในประเทศติดตามกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการส่งเสริมการออมผ่านตลาดทุนภายใต้แนวคิดระบบ ISA เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่ต้องผ่าน LTF รวมทั้งเสนอคุมค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินปีละ 8 แสนบาท ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ แม้เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ตามตลาดคาด แต่ยังต้องติดตามปัจจัยในประเทศ อาทิ ครม. พิจารณา ISA และคุมเพดานค่าลดหย่อนภาษี รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว 

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง เราคาด กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งใน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งใน 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมีนโยบายภาครัฐหนุน อาทิ นโยบาย BOI Fast Pass แนะนำกลุ่มนิคม (WHA AMATA), นโยบายรนำร่องปลดล็อกช่วงเวลาห้ามขายเหล้าเบียร์ 14.00-17.00 น. เป็นเวลา 6 เดือน แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL BJC), นโยบายเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม กลุ่มการแพทย์ (BCH CHG) และ 2) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณ SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะประกาศกลาง ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD ITC

Daily Top Picks

PTT: มีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นและโครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่คาดหนุนธุรกิจโรงแยกก๊าซได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง และเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี (คาดให้ Div. Yield ปีละ 6.4%) ซึ่งมีโอกาสได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) ส่วน Asset Monetization ทําให้บริษัทในกลุ่มแข็งแกร่ง เป้าหมายระยะสั้น 32.50 บาท

KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นหุ้นปันผลสูงที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากโครงการส่งเสริมการออม (ISA) คาดเงินปันผลในปี 2568–2570 ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% และมี Upside จากโครงการซื้อหุ้นคืน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ที่ตํ่า เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ธ.ค. 2568 เวลา : 11:25:35
12-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง

2. ประกาศ กปน.: 16 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสิรินธร

3. ตลาดหุ้นปิด (11 ธ.ค.68) ลบ 16.33 จุด ดัชนี 1,253.54 จุด

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (11 ธ.ค.68) ลบ 14.54 จุด ดัชนี 1,255.33 จุด

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 ธ.ค.68) ร่วง 11.50 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (10 ธ.ค.68) พุ่ง 497.46 จุด รับเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (11 ธ.ค.68) ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น 40-60% ตกหนักหลายพื้นที่ ภาคตะวันออก 30% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน 20% ภาคกลาง 10%

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (11 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (11 ธ.ค.68) บวก 3.64 จุด ดัชนี 1,273.51 จุด

11. ทองเปิดตลาดวันนี้ (11 ธ.ค.68) ปรับขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,350 บาท

12. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,200-4,180 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,250-4,280 เหรียญ

13. ตลาดหุ้นปิด (9 ธ.ค.68) บวก 8.48 จุด ดัชนี 1,269.87 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 ธ.ค.68) บวก 3.83 จุดดัชนี 1,265.22 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่วงปลายของกรอบแคบ รอการเลือกทาง "Breakout" แนวรับที่ 4,180-4,160 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,230-4,260 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 12, 2025, 7:44 am