เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
เตือนประชาชน รัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ยืนยันจะไม่เพิ่มภาระขั้นตอนการจ่ายภาษีให้ผู้สั่งสินค้าออนไลน์


 

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป รัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอากรขาเข้า สำหรับสินค้านำเข้าทุกชิ้น ตั้งแต่มูลค่า 1 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นการยกเลิกการยกเว้นอากรขาเข้าที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าและคุ้มครองผู้ประกอบการไทย

รองโฆษกฯ ชี้แจงว่า ปัจจุบันจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ยังคงจัดเก็บเฉพาะ VAT 7% เท่านั้น โดยยังไม่เก็บอากรขาเข้า และเมื่อเข้าสู่ปี 2569 จะจัดเก็บ ทั้ง VAT และอากรขาเข้า ตามพิกัดศุลกากรของสินค้า

สำหรับคำถามจากประชาชนกรณีการเก็บจะเก็บอย่างไร และของจะช้าไหม เรื่องดังกล่าว รองโฆษกฯ ระบุว่า ขั้นตอนการจัดเก็บภาษีได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และ ไม่ทำให้การรับสินค้าล่าช้ากว่าปกติ

ทั้งนี้ กรณีนำเข้าทางไปรษณีย์ไทย ทางเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีหน้ากล่อง และหากผู้รับอยู่บ้าน สามารถชำระภาษีผ่าน QR Code ได้ทันที แต่กรณีที่หากต้องรับที่ไปรษณีย์ อาจใช้เวลาตรวจเพิ่ม 3–5 วันเฉพาะกรณีสุ่มตรวจ

ส่วนกรณีนำเข้าทางบริษัทขนส่งด่วน (Courier) กรณีนี้ บริษัทขนส่งจะสำแดงและชำระภาษีแทนล่วงหน้า ส่วนผู้รับชำระคืนเมื่อรับสินค้า และระยะเวลาขนส่งโดยรวม ใกล้เคียงเดิม

เหตุผลสำคัญของมาตรการ
รองโฆษกฯ กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และช่วยลดการนำเข้าสินค้าราคาถูกผิดปกติเข้ามากระทบตลาดในประเทศ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐ ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์หลายแห่งได้เริ่มปรับระบบเพื่อ เก็บ VAT ณ ที่จ่าย ตั้งแต่ขั้นตอนสั่งซื้อ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ลดความยุ่งยากในการชำระภาษีปลายทาง

รองโฆษกฯ ย้ำว่า ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้นำเข้าสินค้ามาจำหน่าย ซึ่งตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป จะมีต้นทุนด้านอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นตามประเภทสินค้า พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้ามาตรการนี้อย่างรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ธ.ค. 2568 เวลา : 13:34:21
18-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 20 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

2. ตลาดหุ้นปิด (17 ธ.ค.68) ลบ 3.83 จุด ดัชนี 1,256.85 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ธ.ค.68) ลบ 0.74 จุด ดัชนี 1,259.94 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำคาดยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น (Sideway Up) ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,290-4,270 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,380 เหรียญ

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.40-31.65 บาท/ดอลลาร์

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ธ.ค.68) ลบ 302.30 จุด หุ้นพลังงาน-เฮลธ์แคร์ร่วงฉุดตลาด

7. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ธ.ค.68) ลบ 2.90 ดอลลาร์ หลังพุ่งรับความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (17 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.47 บาทต่อดอลลาร์

9. พยากรณ์อากาศวันนี้ (17 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 6 องศา,ภาคใต้ ฝน 30%

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (17 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,050 บาท

11. ตลาดหุ้นไทยเปิด (17 ธ.ค.68) บวก 1.04 จุด ดัชนี 1,261.72 จุด

12. ตลาดหุ้นปิด (16 ธ.ค.2568) ลบ 12.72 จุด ดัชนี 1,260.68 จุด

13. ประกาศ กปน.: ด่วน!!! คืนวันพรุ่งนี้ 17 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (16 ธ.ค.2568) ลบ 12.37 จุด ดัชนี 1,261.03 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,290-4,270 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,360-4,380 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 18, 2025, 10:09 am