เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : เงินบาทแข็งค่า ใกล้หลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ กระทบส่งออกไทย-ท่องเที่ยว


 

การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ที่อยู่ในระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง จากความผันผวนของนโยบายการเงินโลก ที่สหรัฐส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง และยังเป็นช่วงเวลาเดียวกับการเข้าสู่ช่วงท้ายปี หรือ High Season ที่มีเงินไหลเข้าประเทศไทยสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่บัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลสูงอยู่ในขณะนี้ ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญเข้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ที่ค่าเงินบาท ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดของภูมิภาค กำลังฉุดความสามารถการแข่งขันของการส่งออก และการท่องเที่ยวไทย ที่จะโดนมองว่า “แพง” ในสายตาชาวต่างชาติ หากเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทย
 
เงินบาทไทย มีการเคลื่อนตัวที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเช้านี้ของวันที่ 17 ธ.ค. 2568 ตลาดเงินบาทเปิดที่ระดับ 31.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากปิดวันก่อนที่ระดับ 31.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยหากนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. ถึงช่วงเวลานี้ เงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นแล้ว 2.5% และยังถือว่าแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่งอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของเงินบาทที่แข็งค่าในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยปัจจัยหลัก ๆ อย่าง การเปลี่ยนทิศทางของนโยบายการเงินสหรัฐที่ผ่อนคลายลง จากช่วงก่อนหน้านี้ ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จำเป็นต้องจัดการปัญหาเงินเฟ้อ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 จนเมื่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐลดลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมายได้ Fed ก็ได้เปลี่ยนทิศทางนโยบายดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง อันส่งผลโดยตรงให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทันที
 
ซึ่งเงินดอลลาร์ที่จัดว่าเป็นสกุลเงินหลักของการค้าโลก การอ่อนค่าลงจากนโยบายการเงินสหรัฐที่ส่อแววผ่อนคลายมากขึ้น ได้ทำให้เกิดความผันผวนต่อค่าเงินของประเทศต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่า มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลจากสหรัฐไปยังประเทศอื่น เช่นเดียวกับประเทศไทย นอกจากนี้ ตามข้อมูลจากนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ยังเปิดเผย ค่าเงินบาทได้รับแรงกดดันจากปริมาณธุรกรรมการขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อเงินบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มธุรกิจทองคำ โดยในบางช่วงมีสัดส่วนสูงถึง 20% ของการซื้อขายเงินตราต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งมีผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น
 
และยังมีส่วนที่ค่าเงินบาทได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากปัจจัยเฉพาะตัว ทั้งเรื่องของไทม์ไลน์การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ที่ตรงกับช่วงฤดูกาลท้ายปีของไทย ที่มีเงินไหลเข้าสูงขึ้น จากการท่องเที่ยวและการส่งออก และเมื่อรวมกลับเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนไทย ก็ยิ่งกดดันให้ค่าเงินบาทมีความแข็งค่ามากขึ้นไปอีก  ซึ่งทำให้เงินบาทไทยแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชียทั้งหมด โดยล่าสุดอ้างอิงรายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า บาทไทยแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 2.2% ขณะที่เงิน       ริงกิตของมาเลเซียแข็งค่า 1.1% เงินเยนของญี่ปุ่น แข็งค่า 0.9% หรือเงินด่องของเวียดนาม ที่แข็งค่าขึ้น 0.1% ดังนั้นแล้ว แน่นอนว่า หากเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทย ทั้งในมิติการส่งออกหรือการท่องเที่ยว จะทำให้สินค้าและบริการของไทยนั้นดูแพงขึ้น เป็นแรงกดดันที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันทั้งสองอุตสาหกรรมนี้ลดลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
ทั้งนี้ สำหรับทิศทางข้างหน้าของค่าเงินบาท ดูเหมือนว่าจะยังแข็งค่าต่อเนื่องถึงกลางปี 2569 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชะลอตัวลง การบริโภคลดลง ภาคการลงทุนที่ยังคงนิ่ง ทำให้เงินที่ไหลออกไปจากการนำเข้าสินค้าเมื่อเทียบกับการส่งออกแล้วก็ยังลดลงมากกว่า กลายเป็นการเกินดุลการค้า ที่ส่งผลให้บัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อ จนกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขาลงของ Fed จะสิ้นสุดลงตามที่ตลาดคาดว่าจะเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2569 แต่ในระยะเบื้องต้น ทาง ธปท. ได้มีการเข้าควบคุมตรวจสอบธุรกรรมการขายเงินดอลลาร์เพื่อซื้อเงินบาทของธุรกิจทองคำอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการนำเงินเข้าประเทศไทยที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปกติหรือการฟอกเงิน นอกจากนี้ ทาง ธปท. ยังหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อจัดเตรียมหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจทองคำ โดยเฉพาะการซื้อขายทองคำออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มที่มีขนาดธุรกรรมใหญ่ขึ้นมาก ที่ส่งผลให้เกิดความผันผวนของค่าเงินบาทโดยตรง

LastUpdate 17/12/2568 19:52:46 โดย : Admin
18-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 22 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77)

2. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 6.78 จุด ดัชนี 1,250.07 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ธ.ค.68) ลบ 4.78 จุด ดัชนี 1,252.07 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,310-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,360-4,380 เหรียญ

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ธ.ค.68) ร่วง 228.29 จุด กังวลแนวโน้มธุรกิจ AI

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ธ.ค.68) บวก 41.60 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-เก็งเฟดลดดอกเบี้ยต่อ

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา, ภาคใต้ฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง 30-40%

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ธ.ค.68) บวก 0.47 จุด ดัชนี 1,257.32 จุด

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.35-31.60 บาท/ดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ธ.ค. 68) ปรับขึ้น 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,350 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 20 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

13. ตลาดหุ้นปิด (17 ธ.ค.68) ลบ 3.83 จุด ดัชนี 1,256.85 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ธ.ค.68) ลบ 0.74 จุด ดัชนี 1,259.94 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำคาดยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น (Sideway Up) ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,290-4,270 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,380 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 18, 2025, 10:06 pm