เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "รอปัจจัยหนุนใหม่"


 

คาดตลาดไซด์เวย์/ชะลอตัว ตลาดไม่ตอบเชิงบวกต่อการลดดอกเบี้ยของ กนง.นัก ทำให้จิตวิทยาตลาดอยู่ในโหมดเฝ้าระวัง  กรณีภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่ขู่ขึ้นยังเป็นปัจจัยที่เฝ้าจับตาไปพร้อมกับนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของพรรคการเมืองหลัก  ปัจจัยภายนอก คืนนี้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขณะที่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ศุกร์นี้ยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ทางเทคนิค ยังแกว่งตัวในกรอบรอเบรก แนวต้านสั้นที่ 1265/1275 ในขณะที่การลงต้องไม่หลุด 1248 มิฉะนั้นจะลงรอบใหม่

ประเด็นสำคัญ

• กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 1.25% เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้ สะท้อนท่าทีผ่อนคลายต่อ ศก. ที่ฟื้นตัวช้าท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และประเมินเงินเฟ้อจะกลับสู่กรอบเป้าหมายช่วง 1H70 ส่วนตลาดประเมิน กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2569

• ส.อ.ท. ชี้ 3 ข้อดีของการลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ได้แก่ การลดต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ-SMEs, Sentiment เชิงบวกหนุนค่าเงินบาทอ่อนตัวลง และเป็นการส่งสัญญาณกระตุ้น ศก. ที่ชัดเจน และเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อ

• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้นสู่ 89.1 สะท้อนมุมมองบวกของผู้ประกอบการต่อกิจกรรมทาง ศก. ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวและบริโภคช่วงปลายปี

• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนลดลง 1.27 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปกลับเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งสต็อกเบนซินที่เพิ่มขึ้น 4.81 ล้านบาร์เรล และสต็อกดีเซลที่เพิ่มขึ้น 1.71 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันสหรัฐที่อ่อนแอ

• วันนี้ติดตามการประชุม BoE (ตลาดคาดลดดอกเบี้ยลงสู่ 3.75%) และ ECB (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 2.00%) จากวานนี้มีการรายงานภาวะเงินเฟ้อใน พ.ย. 2568 ของสหราชอาณาจักรและยูโรโซนที่ชะลอลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาด +3.2%YoY และ +2.1%YoY ตามลำดับ

• จำนวน นทท. เดินทางเข้าญี่ปุ่นใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้น 10.4%YoY แตะ 3.52 ล้านคน โดยกลุ่ม นทท. จีนขยายตัวชะลอลงเหลือ 3%YoY เทียบกับช่วง 11M68 ที่ขยายตัวสูงถึง 37.5%YoY 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาส Sideway Down จากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทย โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%), BoE (ตลาดคาดดอกเบี้ยลง 25bps) และ BoE (ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบาย) ส่วน กนง. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ 1.25% และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ย., PCE ต.ค. ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามรายชื่อผู้สมัครและนโยบายหลักแต่ละพรรค หลัง กกต. ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับลงจากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทยและขาดมาตรการกระตุ้นใหม่ อีกทั้งรอติดตามผลประชุมนโยบายการเงินของ กนง. กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก คาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform แนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SET ESG Ratinga A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ และปีหน้า 2 ครั้งในปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ sentiment บวกระยะสั้นหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสัปดาห์นี้ แนะนำ AP GULF GPSC MTC SAWAD 2) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ และ 3) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี

Special Report : Yearbook 2026 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “Riding the Wild Horse” เพื่อสื่อถึงมุมมองการลงทุนที่คาดจะยังให้ผลตอบแทนได้แต่มีความผันผวนสูง จึงต้องคัดสรรและกระจายการลงทุนมากขึ้น พร้อม 8 หุ้น Top Picks ในตลาดหุ้นไทยที่คัดสรรมาให้ (อ่านเพิ่มได้ในบทวิเคราะห์ซึ่งออกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568)

Daily Top Picks

BDMS: มองเป็นหุ้น Defensive ที่กำไรไม่ผันผวนตามปัจจัยภายนอก โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 3%YoY และเติบโตต่อ 8%YoY ในปี 2569 อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนปันผลน่าสนใจซึ่งคาดช่วยลดความเสี่ยงขาลง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2569 ที่ 4.3% ถือว่าสูงสำหรับกลุ่ม รพ. ราคาเป้าหมายระยะสั้น 20.30 บาท

AP: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และ 4Q68 คาดกำไรจะเป็นจุดสูงสุดปีนี้ โดยเติบโตทั้ง QoQ และ YoY แรงหนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่งทั้งจากโครงการแนวราบและคอนโดใหม่ที่จะเริ่มโอนอย่าง Aspire Vibha-Victory อีกทั้งคาดให้ Div. Yield สูงปีละ 5.7% ราคาเป้าหมายระยะสั้น 8.80 บาท

การปรับลดลงของต้นทุนก๊าซฯ ดอกเบี้ยและได้อานิสงค์เงินบาทแข็ง ในขณะที่กําไรหลักใน 4Q68 คาดเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงมากกว่าค่าไฟฟ้าที่ลด และคาดกำไรหลักยังโตต่อในปี 2569 อีก +24% จากความต้องการใช้ไฟเพิ่มตาม Data Center ราคาเป้าหมายสั้น 15.00 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ธ.ค. 2568 เวลา : 11:44:51
18-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 22 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77)

2. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 6.78 จุด ดัชนี 1,250.07 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ธ.ค.68) ลบ 4.78 จุด ดัชนี 1,252.07 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,310-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,360-4,380 เหรียญ

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ธ.ค.68) ร่วง 228.29 จุด กังวลแนวโน้มธุรกิจ AI

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ธ.ค.68) บวก 41.60 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-เก็งเฟดลดดอกเบี้ยต่อ

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา, ภาคใต้ฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง 30-40%

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ธ.ค.68) บวก 0.47 จุด ดัชนี 1,257.32 จุด

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.35-31.60 บาท/ดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ธ.ค. 68) ปรับขึ้น 200 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,350 บาท

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 20 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนลาดหวาย

13. ตลาดหุ้นปิด (17 ธ.ค.68) ลบ 3.83 จุด ดัชนี 1,256.85 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ธ.ค.68) ลบ 0.74 จุด ดัชนี 1,259.94 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำคาดยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น (Sideway Up) ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,290-4,270 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,380 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 18, 2025, 10:04 pm