เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Krungthai Compass วิเคราะห์ "กนง. มีมติลดดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.25% จากเศรษฐกิจที่ชะลอกว่าคาด อีกทั้งมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น และภาวะการเงินที่ตึงตัว"


• กนง. มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี จากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลงกว่าการประชุมครั้งก่อน ประกอบกับภาวะการเงินที่ตึงตัว กระทบกลุ่มเปราะบางทั้งครัวเรือนและ SMEs

 
• กนง. ประเมิน GDP ปี 2569 และ 2570 ขยายตัวที่ 1.5% และ 2.3% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยเป็นการชะลอที่ชัดเจนขึ้นจากการบริโภคที่แผ่วลงตามแนวโน้มรายได้ และผลกระทบของ US tariff ที่ทยอยเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเผชิญความไม่แน่นอนของกระบวนการงบประมาณปี 2570 ด้านโมเมนตัมเศรษฐกิจชะลอลงกว่าการประเมินครั้งก่อนตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 69 จนถึงแนวโน้มปี 70 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง และนับเป็นครั้งแรกของการประชุม กนง. ในปีนี้ ที่กล่าวถึงแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่มีจำกัดเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ 
 
• ประเมินว่ามีโอกาสที่ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในปี 2569 แม้ policy space มีจำกัด หากโมเมนตัมเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่ประเมิน จากทั้งข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และการเบิกจ่ายที่อาจล่าช้า

กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากเศรษฐกิจที่ชะลอกว่าคาดและมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น ประกอบกับภาวะการเงินที่ตึงตัว กระทบกลุ่มเปราะบางทั้งครัวเรือนและ SMEs

กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 6/2568 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
 
 
• เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน และมีความเสี่ยงที่มากขึ้น โดย กนง. คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงจากการบริโภคที่แผ่วลงตามแนวโน้มรายได้ที่ขยายตัวต่ำ โดยเฉพาะในภาคการผลิต และผลกระทบของ US tariff ที่จะทยอยเพิ่มขึ้น อีกทั้งผลของสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคบริการ ซึ่งผลกระทบนี้คาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2569 โดยรวมทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อ SMEs และครัวเรือนในกลุ่มเปราะบาง ขณะที่แนวโน้มการท่องเที่ยวคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ
 
• กนง. ปรับประมาณการ GDP ลง โดยเศรษฐกิจในปี 2569 และ 2570 มีแนวโน้มขยายตัว 1.5% และ 2.3% ตามลำดับ ซึ่งชะลอลงจากปี 2568 ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.2% และยังต่ำกว่าระดับศักยภาพที่ 2.7%-2.8% โดยคาดว่าโมเมนตัมเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี 69 จะชะลอลงกว่าการประเมินครั้งก่อน ต่อเนื่องจนถึงแนวโน้มปี 70 ที่แย่ลง ส่วนหนึ่งจากความไม่แน่นอนของกระบวนการงบประมาณปี 2570 โดยประมาณการปี 2569 ปรับลดการคาดการณ์การบริโภคภาครัฐลงจากขยายตัว 0.6% เป็น 0% ขณะที่การลงทุนภาครัฐปรับลดลงจากขยายตัว 6.5% เป็น 0.8% 
 
• การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ตลอดทั้งปี 2568 รวม 1.0% โดยให้น้ำหนักจากมุมมองด้าน growth ที่แย่ลง สอดคล้องกับการปรับลดการคาดการณ์ GDP ปี 68 และ 69 ของนักวิเคราะห์ตลอดปีนี้ที่มีการ revise down GDP ไทยรวม -1.8% มากที่สุดในภูมิภาค
 
หมายเหตุ: การปรับลดการคาดการณ์ GDP ของนักวิเคราะห์ รวมการปรับการคาดการณ์ GDP ของปี 68 และ 69 ตั้งแต่ ม.ค. 68 จนถึง ธ.ค. 68
 
ภาวะการเงินของค่อนข้างตึงตัว แม้ผลของนโยบายการเงินทยอยส่งผ่าน ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยในระบบสถาบันการเงิน และตลาดการเงินที่ปรับลดลงจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ให้กับภาคธุรกิจและครัวเรือน แต่สินเชื่อโดยรวมในระบบสถาบันการเงินยังคงหดตัว จากภาวะสินเชื่อที่ยังอยู่ในช่วง deleveraging ประกอบกับการชะลอการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง
 
 
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงกว่าที่ กนง. ประเมินไว้เดิม โดยคาดว่าในปี 2568 2569 และ 2570 เงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ที่ร้อยละ -0.1, 0.3 และ 1.0 ตามลำดับ โดยจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อในครึ่งแรกของปี 2570 จากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ ตามราคาพลังงานโลกที่ปรับลดลงและมาตรการอุดหนุนค่าครองชีพของภาครัฐ
 
• โดยแม้ว่า กนง. จะย้ำว่าความเสี่ยงภาวะเงินฝืด (deflation) อยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากราคาสินค้าและบริการที่ไม่ได้ปรับลดลงเป็นวงกว้าง แต่นับเป็นครั้งแรกของการประชุม กนง. ในปีนี้ ที่มีการกล่าวถึงแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์(demand-pull inflation) ที่มีจำกัดเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากการวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนเงินเฟ้อของ กนง. ที่ชี้ว่าเงินเฟ้อจากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่แม้จะยังเป็นบวก แต่มีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
• ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ยังมีแนวโน้มทรงตัว และอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (headline inflation expectations) ในระยะปานกลางลดลงเล็กน้อยแต่ยังยึดเหนี่ยวในกรอบเป้าหมาย 

Implication: 
 
• Krungthai COMPASS คาดว่าในปีหน้ายังมีโอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ policy space มีจำกัด จากความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ประกอบกับการส่งสัญญาณ policy coordination กับมาตรการภาครัฐ อาจส่งผลให้ กนง. ดำเนินนโยบายเชิงรุก (proactive) มากขึ้น 
 
• โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ กนง. ชี้ว่าอยู่ในระดับผ่อนคลาย Krungthai COMPASS คาดว่าในปีหน้าอาจสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมอย่างน้อย 0.25% หากโมเมนตัมเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่ประเมิน จากทั้งข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และการเบิกจ่ายที่อาจล่าช้า ซึ่งจะกระทบรายได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ GDP ปี 2569 และ 2570 ที่ กนง. คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.5% และ 2.3% ตามลำดับ ทำให้เฉลี่ย 5 ปี กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 2.1% ต่ำกว่าช่วง 5 ปีก่อนโควิดที่ขยายตัวได้เฉลี่ยที่ 3.4% เอื้อให้นโยบายการเงินสนับสนุนได้เพิ่มเติม อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมาเลเซีย เกาหลีใต้ และจีน
 
 
• ในระยะข้างหน้าต้องติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวจากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์เป็นสำคัญ แต่หากพิจารณาค่าเงินบาทในเดือน ธ.ค. ที่แข็งค่าแรงกว่าประเทศในภูมิภาคอยู่ที่ 1.8% และแข็งค่าเร็วกว่าเมื่อเทียบกับมาเลเซียที่ค่าเงินในช่วงไตรมาสที่ 3 แข็งค่าที่สุดในกลุ่ม โดยบางส่วนมีสาเหตุจากบางธุรกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าธปท. จะมีการดูแลค่าเงินบาทต่อเนื่อง สะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศสุทธิ(Net International Reserves) ที่ใกล้แตะระดับ 3 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มความเข้มงวดธุรกรรม FX ที่เกี่ยวข้องกับทองคำ แต่อาจต้องเร่งปิดความเสี่ยงในธุรกรรมอื่นที่มีบทบาทสูงเช่นกัน อาทิ crypto เพื่อป้องกันไม่ให้การแข็งค่าของเงินบาทที่เร็วและแรงกว่าปัจจัยพื้นฐานซ้ำเติมผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มี margin ต่ำและ SMEs 
 
 
กฤษฏิ์ ศรีปราชญ์
Krungthai Compass
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ธ.ค. 2568 เวลา : 17:08:37
20-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.68) บวก 2.12 จุด ดัชนี 1,252.19 จุด

2. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 2

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.68) บวก 3.58 จุด ดัชนี 1,253.65 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) ลบ 9.40 ดอลลาร์ นักลงทุนลดการถือทองคำ หลัง CPI ชะลอตัว

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) บวก 65.88 จุด เงินเฟ้อต่ำ หนุนเฟดลดดอกเบี้ยมี.ค.ปีหน้า

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (19 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา,ภาคใต้ ฝน 30-40%

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (19 ธ.ค. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,150 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 ธ.ค.68) บวก 4.20 จุด ดัชนี 1,254.27 จุด

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.43 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.55 บาท/ดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 22 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77)

13. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 6.78 จุด ดัชนี 1,250.07 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ธ.ค.68) ลบ 4.78 จุด ดัชนี 1,252.07 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,310-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,360-4,380 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 20, 2025, 1:44 am