เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ "เงินบาทยังคงแข็งค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน"


สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
 
• เงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่   
 
เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคและการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ หลัง กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงมาที่ระดับ 1.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับมีการระบุถึงการยกระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาท ซึ่งแข็งค่าขึ้นตามการคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดและปัจจัยเฉพาะของไทย 
 
 
นอกจากนี้ ในระหว่างสัปดาห์ ธปท. ยังส่งสัญญาณติดตามธุรกรรมที่อาจส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อค่าเงินบาททั้งในส่วนของธุรกรรมทองคำในรูปแบบ Paper Trade สินทรัพย์ดิจิทัล และช่องทางอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ และแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ (นับตั้งแต่ 21 มิ.ย. 2564) ที่ 31.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดัน หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอลง [US CPI Inflation +2.7% YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.1% และชะลอลงจากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.] ซึ่งทำให้ตลาดยังคงให้ความสนใจไปที่โอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่สื่อสารไว้ใน Dot Plot ในปี 2569 
 
• ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 ธ.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,266 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,158 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 2,654 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 504 ล้านบาท)
 
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 31.30-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ท่าทีต่อสถานการณ์เงินบาทของทางการไทย ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ข้อมูลจีดีพีและดัชนีราคา PCE/Core PCE ประจำไตรมาส 3/2568 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 
 
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
 
• ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ก่อนจะทยอยย่อตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ 
SET Index ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สวนทางภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลง โดยหลักๆ มีปัจจัยหนุนจากความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศ หลังกกต.กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ซึ่งประเด็นดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่ม นำโดย เทคโนโลยีและพลังงาน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงในเวลาต่อมาท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ตามการปรับตัวลงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ประกอบกับขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุนตลาด  
 
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่อหลังการประชุมกนง. โดยแม้กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ก็ได้ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2569-2570 มีแนวโน้มชะลอลง ซึ่งกระตุ้นแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 
 
 
 
• ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,252.19 จุด ลดลง 0.15% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 34,035.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.57% มาปิดที่ระดับ 212.85 จุด
 
• สัปดาห์ถัดไป (22-26 ธ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,275 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกไทยเดือนพ.ย. 2568 รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของอังกฤษ ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ธ.ค. 2568 เวลา : 19:08:05
20-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (19 ธ.ค.68) บวก 2.12 จุด ดัชนี 1,252.19 จุด

2. ประกาศ กปน.: 24 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 2

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (19 ธ.ค.68) บวก 3.58 จุด ดัชนี 1,253.65 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทาง Sideway Up ในระยะนี้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,315-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,350-4,375 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) ลบ 9.40 ดอลลาร์ นักลงทุนลดการถือทองคำ หลัง CPI ชะลอตัว

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (18 ธ.ค.68) บวก 65.88 จุด เงินเฟ้อต่ำ หนุนเฟดลดดอกเบี้ยมี.ค.ปีหน้า

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (19 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา,ภาคใต้ ฝน 30-40%

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (19 ธ.ค. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 65,150 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (19 ธ.ค.68) บวก 4.20 จุด ดัชนี 1,254.27 จุด

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (19 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.43 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.55 บาท/ดอลลาร์

12. ประกาศ กปน.: 22 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77)

13. ตลาดหุ้นปิด (8 ธ.ค.68) ลบ 6.78 จุด ดัชนี 1,250.07 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ธ.ค.68) ลบ 4.78 จุด ดัชนี 1,252.07 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,310-4,290 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,360-4,380 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 20, 2025, 4:44 am