กองทุนรวม
บลจ.อีสท์สปริง เผยกลยุทธ์ลงทุนเดือน ธ.ค. 68 แนะลงทุนในสินทรัพย์สร้างโอกาสเติบโตสูง-สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง


บลจ.อีสท์สปริง เปิดกลยุทธ์ลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายปี 68 แนะจัดพอร์ตแบบสมดุล แบ่งสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์สร้างโอกาสเติบโตสูงและสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง พร้อมชู 3 กองES-GTECH ES-HEALTHCARE และ ES-ASIA 

 
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึง แนวโน้มการลงทุนในเดือนธันวาคม 2568 ประเมินว่าตลาดหุ้นโลกยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ หรือมี Upside จากแรงส่งของกระแสเงินทุนไหลเข้าในช่วงท้ายปี หรือ Window Dressing ควบคู่ไปกับความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยเฟด จึงยังคงแนะนำกลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบสมดุล หรือ Barbell Strategy เพื่อกระจายความเสี่ยงและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีดยแนะนำให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างโอกาสเติบโตสูงควบคู่ไปกับสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

โดยกองทุนแรกที่แนะนำสำหรับฝั่งการเติบโตคือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Technology (ES-GTECH) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Polar Capital Global Technology Fund ที่เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก บริหารจัดการโดย Polar Capital Funds public limited company ซึ่งกองทุนนี้มีการลงทุนและจับจังหวะที่วัฏจักรดอกเบี้ยกำลังเข้าสู่ขาลง ซึ่งตามสถิติแล้วหุ้นกลุ่มเติบโตและเทคโนโลยีมักจะมีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดี

นอกจากนี้ เรายังเห็นแรงหนุนจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI ที่กลับเข้ามาสะท้อนในผลประกอบการไตรมาสล่าสุดอย่างชัดเจน โดยหลายบริษัทเทคโนโลยีมียอดการใช้จ่ายด้าน AI และธุรกิจ Cloud ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับกองทุนมีการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก ไม่ได้กระจุกตัวเพียงแค่ในสหรัฐฯ ทำให้สามารถคว้าโอกาสจาก Supply Chain ของเทคโนโลยีในเอเชียได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับการสะสมเพื่อรับโอกาสเติบโตในระยะยาว

ในส่วนของสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง หรือ Defensive เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต แนะนำกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Healthcare (ES-HEALTHCARE) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Sciences Fund  บริหารจัดการโดย Janus Capital Management LLC และ Janus Capital Funds plc ความน่าสนใจของกองทุนนี้อยู่ที่การบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีพื้นฐานด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอกโดยตรง ทำให้มีความได้เปรียบในการวิเคราะห์โอกาสความสำเร็จของนวัตกรรมยาและการรักษาใหม่ๆ ได้ลึกซึ้งกว่าตลาด

นอกจากนี้ กลุ่ม Healthcare ยังได้รับอานิสงส์ข่าวดีจากการที่รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะยอมรับโครงการต่ออายุเงินอุดหนุน Obamacare ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลและประกันสุขภาพให้มีความมั่นคง อีกทั้งยังมีการเจรจาลดราคายากับบริษัทยายักษ์ใหญ่แลกกับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนวิกฤตด้านนโยบายควบคุมราคาให้เป็นโอกาสในการขยายตลาด ทำให้กลุ่ม Healthcare เป็นหลุมหลบภัยชั้นดีในช่วงที่ตลาดยังมีความไม่แน่นอน

กองทุนสุดท้ายที่เราแนะนำเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพการเติบโตสูงคือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Asia Active Equity (ES-ASIA) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีทั่วภูมิภาคเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น โดยลงทุนในกองทุนหลักกองทุน Schroder International Selection Fund -Emerging Asia Class A2 Acc USD บริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Europe) S.A 

ปัจจัยบวกสำคัญที่สนับสนุนกองทุนนี้คือความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจนำไปสู่การเดินทางเยือนประเทศจีนของทรัมป์ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านภาษีการค้าและหนุนบรรยากาศการส่งออกในภูมิภาค ประกอบกับทางการจีนได้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในขณะที่อินเดียเองก็กำลังได้รับปัจจัยบวกจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี ซึ่งจะช่วยกู้ยอดส่งออกให้ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดีย

การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ณ ระดับราคาปัจจุบันที่ยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว จึงเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากตลาดที่ยังเป็น Laggard Play

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบลจ.อีสท์สปริง หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวนี้ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนหลักของ ES-HEALTHCARE ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินจำนวนมาก  การลงทุนในกองทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนอาจจะได้รับเงินลงทุนคืนมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ และอาจไม่ได้รับช่าระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนภายในระยะเวลาที่ก่าหนด หรืออาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีค่าสั่งไว้ 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:24:44
26-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.68) ลบ 10.56 จุด ดัชนี 1,264.77 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.68) ลบ 8.74 จุด ดัชนี 1,266.59 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,450-4,430 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,500-4,525 เหรียญ

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ทำนิวไฮ บวก 288.75 จุด ขานรับ "ซานต้าแรลลี่"

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ลบ 2.90 ดอลลาร์ นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำนิวไฮ

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา /ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (25 ธ.ค. 68) ปรับลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,650 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.68) ลบ 1.70 จุด ดัชนี 1,273.63 จุด

10. ตลาดหุ้นปิด (24 ธ.ค.68) บวก 4.22 จุด ดัชนี 1,275.33 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 ธ.ค.68) ลบ 0.77 จุด ดัชนี 1,270.34 จุด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) พุ่ง 36.30 เหรียญ ยืนเหนือ 4,500 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

13. MTS Gold คาดราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,550-4,570 เหรียญ

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) บวก 79.73 จุด, S&P ทำนิวไฮ รับ GDP แกร่งเกินคาด หนุนแรงซื้อหุ้นเติบโต

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (24 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 67,050 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2025, 8:00 am