หุ้นทอง
บล.เมย์แบงก์ ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569 "ตลาดพร้อมลุย" แนะมองข้ามความผันผวนระยะสั้น คงเป้า SET สิ้นปีที่ 1,370 จุด แนะลงทุนรับโอกาส Election Rally และธีม FDI-ดาต้าเซ็นเตอร์-การค้า


บล.เมย์แบงก์ เปิดบทวิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569 ประเมินว่าตลาดมีความพร้อมในการเดินหน้า แม้จะยังเผชิญความไม่แน่นอนในระยะสั้น โดยยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) สิ้นปี 2569 ที่ระดับ 1,370 จุด สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพการฟื้นตัวของตลาดไทยในระยะถัดไป

เมย์แบงก์ ระบุว่า แม้การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 7% แต่ความเสี่ยงด้านลบของกำไรยังอยู่ในระดับจำกัด ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจด้านมูลค่า โดยซื้อขายที่ระดับ P/E เพียงประมาณ 11.5 เท่า (ไม่รวม DELTA) ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าถูกที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นรองเพียงประเทศเดียว ส่งผลให้ช่วงต้นปีเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุน

ในเชิงกลยุทธ์ เมยแบงก์ แนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสจาก “election rally” โดยจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2535 พบว่ากลยุทธ์การเข้าซื้อหุ้นก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน และขายหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดประมาณ +4% ในช่วงเวลา 2 เดือนดังกล่าว ทั้งนี้ เมยแบงก์ ให้น้ำหนักการลงทุนในช่วงดังกล่าวกับกลุ่มธนาคาร การเงิน โทรคมนาคม ท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง

ด้านปัจจัยการเมือง เมย์แบงก์ ประเมินว่าหลังการเลือกตั้งครั้งถัดไป มีโอกาสสูงที่จะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการคลายแรงกดดันต่อตลาดทุนไทยที่ดำรงอยู่ต่อเนื่องตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 รัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นนักลงทุนและสนับสนุนทิศทางตลาดให้ปรับตัวดีขึ้นในระยะถัดไป

สำหรับธีมการลงทุนหลักในปี 2569 เมย์แบงก์ ชู 3 ธีมสำคัญ ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และการค้า โดยมองว่าการขยายตัวของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของอาเซียน และประเทศไทยมีศักยภาพได้รับประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของ FDI ยังได้รับแรงหนุนจากยอดคำขอส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 21% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 รวมถึงนโยบาย FastPass ที่ช่วยเร่งการอนุมัติโครงการลงทุนภาคเอกชน

ในมิติการค้า เมย์แบงก์ คาดว่าข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศหลายฉบับ ทั้ง FTA ไทย–EFTA ที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2569, FTA ไทย–สหภาพยุโรปที่คาดว่าจะลงนามในไตรมาส 1/2569 รวมถึง CEPA ไทย–เกาหลี จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยประเมินว่าข้อตกลงเหล่านี้อาจช่วยเพิ่ม GDP ของไทยได้ราว 1.9% ในระยะใกล้
 
ในด้านกลยุทธ์การเลือกกลุ่มอุตสาหกรรม เมย์แบงก์ ยังคงให้น้ำหนักมากกว่าตลาด (Overweight) ในกลุ่มโทรคมนาคม สาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม พร้อมปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มการเงิน ท่องเที่ยว และอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งมองว่าเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์เด่นจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ยังคงมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และพาณิชย์

สำหรับหุ้นเด่น เมย์แบงก์ แนะนำ MTC, BBL, TRUE, MINT และ AP เป็น Top Picks เพื่อรับโอกาสจาก election rally ขณะที่การลงทุนตามธีม FDI ดาต้าเซ็นเตอร์ และการค้า แนะนำ WHA, AMATA, ITC, CCET และ GULF ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะถัดไปอย่างโดดเด่น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ธ.ค. 2568 เวลา : 14:58:35
24-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (24 ธ.ค.68) บวก 4.22 จุด ดัชนี 1,275.33 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 ธ.ค.68) ลบ 0.77 จุด ดัชนี 1,270.34 จุด

3. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) พุ่ง 36.30 เหรียญ ยืนเหนือ 4,500 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,550-4,570 เหรียญ

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) บวก 79.73 จุด, S&P ทำนิวไฮ รับ GDP แกร่งเกินคาด หนุนแรงซื้อหุ้นเติบโต

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (24 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 67,050 บาท

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (24 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 4 องศา และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (24 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (24 ธ.ค.68) บวก 2.49 จุด ดัชนี 1,273.60 จุด

10. ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ (23 ธ.ค.68) ดัชนีอยู่ที่ 1,271.11 จุด บวก 1.43 จุด

11. ประกาศ กปน.: 25 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนบำรุงเมือง

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (23 ธ.ค.68) บวก 2.66 จุด ดัชนี 1,272.34 จุด

13. MTS Gold คาดราคาทองคำปรับฐานลงมา ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,450-4,420 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,500-4,520 เหรียญ

14. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (23 ธ.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 31.12 บาทต่อดอลลาร์

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (23 ธ.ค.68) "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 2 องศา มีน้ำค้างแข็ง "ยอดภู" 8 องศา / อุตุฯ เตือน 25-28 ธ.ค. ภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 24, 2025, 5:41 pm