เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แรงซื้อหุ้นปลายปีช่วยหนุนตลาด"


คาดตลาดแกว่งทางขึ้น ตลาดยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากกองทุนลดหย่อนภาษีปลายปี รวมถึงการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้ต่อ เป็นลักษณะของการเปลี่ยนกลุ่มเล่นหรือซื้อหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่นโยบายหาเสียงและแก้ไขปัญหา ศก. ของพรรคการเมืองยังมีเป้าเติบโตที่ไม่โดดเด่นนัก ปัจจัยภายนอก คาดเริ่มชะลอในวันคริสต์มาส ทางเทคนิค การพักฐานสั้นไม่หลุดต่ำกว่า 1268-1265 ยังเป็นการแกว่งตัวทางขึ้นมีแนวต้านที่ 1280/1285 มีโอกาสทดสอบ

ประเด็นสำคัญ

• ผลสำรวจ ม. หอการค้าไทยชี้ว่าเทศกาลปีใหม่ 2569 จะมีเงินสะพัด 1.12 แสนลบ. ขยายตัว 2.1%YoY สูงที่สุดในรอบ 6 ปี อานิสงส์ประชาชนมีเงินเหลือจาก “คนละครึ่งพลัส” และความต้องการคลายเครียดจากช่วงก่อนที่ประเทศไทยเผชิญสงครามและอุทกภัย

• ททท. ร่วมกับ “ลิซ่า” ในฐานะ Amazing Thailand Ambassador เตรียมสร้างปรากฎการณ์ “LISA Effect” ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยสำหรับปี 2569 เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและหนุนให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับกลุ่มแฟนคลับ และพร้อมปล่อยโฆษณาชุดแรกใน ม.ค. 2569

• วานนี้การประชุม คกก. ชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชาเป็นวันแรกใช้เวลาประชุมเพียง 30 นาที โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนเอกสารเพื่อเตรียมความพร้อม และในวันนี้เริ่มประชุมอีกครั้งเวลา 9:00 น. โดยทางกัมพูชาจะเข้าร่วมประชุมแบบเต็มคณะ

• ก.ล.ต. วางแนวทางให้ บจ. จัดประชุมเพื่อนำเสนอผลประกอบการ (Earnings Call) เพื่อยกระดับมาตรฐานการสื่อสาร เพิ่มความโปร่งใส และส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม เช่น การกำหนดช่วงเวลางดเปิดเผยข้อมูล (Blackout Period) ตลอดจนแนวทางการประชุม

• รายงานการประชุม BoJ เมื่อ ต.ค. 2568 ระบุว่ามีการหารือแนวทางปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อสู่ระดับ “เป็นกลาง” (Neutral Rate) เพื่อสนับสนุนการเติบโตและเสถียรภาพระยะยาว และใน ธ.ค. 2568 BoJ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ 0.75% ด้านผู้ว่าฯ ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเอื้ออำนวย

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1230-1285 จุด หลังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ และมีวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางลง หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มใกล้ช่วงปลายปีก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย โดยเฉพาะต่างชาติ ทั้งนี้มองตลาดจะติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อาทิ รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหลักแต่ละพรรค ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและผลประกอบการของ บจ. ไทย, ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกบางส่วนที่อาจช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ เช่น แรงซื้อจากกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG ที่อาจเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น และการทำ Window Dressing ที่นักลงทุนสถาบันบางส่วนอาจใช้ปรับพอร์ตให้ดูดีก่อนสิ้นปี ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบก่อนเข้าช่วงสิ้นปี คาดตลาดติดตามปัจจัยในประเทศ-การเมือง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI 

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอีก 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ 2) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี และ 3) หุ้นที่อยู่ใน SETESG และ SET100 ที่คาดได้อานิสงส์จากมีแรงซื้อโค้งสุดท้ายกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG โดยเลือกหุ้นที่ล่าสุด ตลท. ประกาศผล SET ESG Rating ดีขึ้นตั้งแต่ A ขึ้นไปและเราแนะนำ Outperform อีกทั้งราคาหุ้นปรับลง YTD เลือก BDMS CHG ERW GLOBAL HMPRO PRM

Daily Top Picks

BDMS: มีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากโอกาสได้ประโยชน์ธีม Window Dressing หลังราคาลดลง YTD ขณะที่ ESG Rating สูงขึ้นเป็น AAA และกำไรไม่ผันผวนตามปัจจัยภายนอก โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 3%YoY และเติบโตต่อ 8%YoY ในปี 2569 และอัตราผลตอบแทนปันผลน่าสนใจช่วยลดความเสี่ยงขาลง เป้าหมายระยะสั้นที่ 20.30 บาท

GULF: มีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลง รวมถึงมีโอกาสได้ประโยชน์จาก Window Dressing ราคาลดลง YTD ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q68มีโอกาสเติบโต จากโรงไฟฟ้า Jackson ที่เติบโตดีตาม Capacity Payment ที่เพิ่มขึ้น การเริ่ม COD ในโครงการ Solar 5 แห่งช่วยหนุน เป้าหมายระยะสั้นที่ 43.50 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:10:49
25-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.68) ลบ 8.74 จุด ดัชนี 1,266.59 จุด

2. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,450-4,430 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,500-4,525 เหรียญ

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ทำนิวไฮ บวก 288.75 จุด ขานรับ "ซานต้าแรลลี่"

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ลบ 2.90 ดอลลาร์ นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำนิวไฮ

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา /ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง

6. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (25 ธ.ค. 68) ปรับลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,650 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 ธ.ค.68) ลบ 1.70 จุด ดัชนี 1,273.63 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (24 ธ.ค.68) บวก 4.22 จุด ดัชนี 1,275.33 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 ธ.ค.68) ลบ 0.77 จุด ดัชนี 1,270.34 จุด

11. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) พุ่ง 36.30 เหรียญ ยืนเหนือ 4,500 ดอลลาร์ รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

12. MTS Gold คาดราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,550-4,570 เหรียญ

13. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (23 ธ.ค.68) บวก 79.73 จุด, S&P ทำนิวไฮ รับ GDP แกร่งเกินคาด หนุนแรงซื้อหุ้นเติบโต

14. ทองเปิดตลาดวันนี้ (24 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 67,050 บาท

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (24 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 4 องศา และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 25, 2025, 3:31 pm