เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ลุ้นแรงซื้อวันสุดท้ายใกล้ low เดิม"


คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/รีบาวด์ นักลงทุนสถาบันเริ่มกลับมาซื้อสุทธิในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลง ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลังทองคำปรับตัวลงแรง ลดความกังวลหุ้นส่งออกและอาจหนุน Delta ขณะที่แรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีวันสุดท้ายยังเป็นความหวัง ด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมีโอกาสหนุนหุ้นพลังงานต้นน้ำ ทางเทคนิค ระยะสั้นหลุดแนวรับหลักที่ 1257 ทำให้มีช่วงลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 1250/1244 ที่บริเวณนี้มีโอกาสทำให้หยุดไหลหรือดีดกลับได้ มีแนวต้านที่ 1260/1265

ประเด็นสำคัญ

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้นกว่า 2% สู่ 58.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลอุปทาน หลังความตึงเครียด รัสเซีย–ยูเครน รุนแรงขึ้น โดยรัสเซียอ้างยูเครนใช้โดรนโจมตีบ้านพักของ วลาดิเมียร์ ปูติน ผนวกเหตุโจมตีในเยเมนที่เสี่ยงกระทบเส้นทางขนส่งน้ำมันหนุนราคา

• จีนเปิดฉากซ้อมรบ “Justice Mission 2025” รอบ ไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. ระดมกำลังทัพบก เรือ และอากาศ พร้อมซ้อมยิงจริง 30 ธ.ค. 08.00–18.00 น. ยังไม่ระบุวันสิ้นสุดปฏิบัติการ ด้าน จีน ระบุเป็นการเตือนฝ่ายแบ่งแยกดินแดน ขณะไต้หวันประณามการยั่วยุ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นยังจำกัดตลาดหุ้นไต้หวันยังคงปรับตัวขึ้น

• เงินบาทวานนี้อ่อนค่าเกือบ 2% แตะ 31.65 บาท/ดอลลาร์ หลังทางการออกมาตรการสกัดการแข็งค่าเร็วต่อเนื่อง ผนวกแรงกดดันจากราคาทองคำโลกที่ลดลงแรง ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ในขณะที่สภาพคล่องตลาดช่วงปลายปีค่อนข้างเบาบาง

• สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายงาน MPI เดือนพ.ย.2568 อยู่ที่ 90.54 หดตัว 4.24% YoY และ 4.39% MoM ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 55.49% จากแรงกดดันเงินบาทแข็ง การผลิตปิโตรเลียมลดลง สถานการณ์ชายแดน น้ำท่วมภาคใต้ และนักท่องเที่ยวชะลอ ตามข้อมูลของ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

• ไทย กัมพูชา และจีน จัดประชุมสามฝ่ายหลังข้อตกลงหยุดยิง 72 ชั่วโมง โดยจีนทำหน้าที่ประสานงาน ทั้งสองประเทศเห็นพ้องลดการเผชิญหน้า เก็บกู้ทุ่นระเบิด ถอนอาวุธหนัก โดยไทยเตรียมพิจารณาส่งทหาร 18 นายกลับกัมพูชา เพื่อฟื้นฟูสันติภาพตามแนวทางที่ ไทย กัมพูชา และ จีน หารือร่วม โดยจะมีการครบกำหนดหยุดยิงเที่ยงวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,230–1,320 จุด โดยบรรยากาศลงทุนมีปัจจัยหนุนเชิงฤดูกาลจากแรงซื้อโค้งสุดท้ายปลายปีจากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG และการทำ Window Dressing อีกทั้งยังมีแรงหนุนจาก January Effect ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 5 ปี (2564–2568) พบว่า ช่วงสัปดาห์แรกของวันทำการหลังปีใหม่ SET จะปรับขึ้น โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว 1.3% ด้วย Win Rate 60% สะท้อนพฤติกรรมการกลับเข้าลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลังพ้นวันหยุดยาว ขณะเดียวกันมองตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับปัจจัยการเมืองในประเทศมากขึ้น รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองหลัก ส่วนปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามซึ่งอาจมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น ได้แก่ FOMC Minutes และข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐในเดือน ธ.ค. ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบก่อนเข้าช่วงสิ้นปี คาดตลาดติดตามปัจจัยในประเทศ-การเมือง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI 

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอีก 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงตามภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จาก January Effect โดยเน้นเลือกหุ้น SETHD และ sSET ซึ่งจากสถิติ 5 ปีล่าสุดพบให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงราว 1.5-2.0% ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังเปิดปีใหม่ด้วย Win Rate 80% แนะนำ KTB BBL AP THANI KBANK และ 2) หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และ/หรือ ความคาดหวังเชิงบวกกจากเชื่อมโยงกับนโยบายของพรรคการเมือง อาทิ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL TNP) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (GFPT CBG OSP) กลุ่มสินเชื่อ (SAWAD TIDLOR) และกลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)  

Daily Top Picks

PTT : มีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น บริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นําในธุรกิจ LNG ภูมิภาคผ่านการลงทุนเชิงรุกในโครงสร้างพื้นฐาน LNG และ ปลดล็อกมูลค่าจาก Asset Monetization ส่วน Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ P/BV ปี 69 เพียง 0.7 เท่าและ P/E 10.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี พร้อมปันผล 6% เป้าหมายระยะสั้น 32.50 บาท

BDMS : มีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากโอกาสได้ประโยชน์ธีม Window Dressing หลังราคาลดลง YTD ขณะที่ ESG Rating สูงขึ้นเป็น AAA และกำไรไม่ผันผวนตามปัจจัยภายนอก โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 3%YoY และเติบโตได้ต่อ 8%YoY ในปี 2569 และอัตราผลตอบแทนปันผลน่าสนใจช่วยลดความเสี่ยงขาลง เป้าหมายระยะสั้น 19.80 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:46:10
31-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นไทยส่งท้ายปี (30 ธ.ค.68) บวก 5.64 จุด ดัชนี 1,259.67 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (30 ธ.ค.68) บวก 3.37 จุด ดัชนี 1,257.40 จุด

3. MTS Gold คาดราคาทองคำเข้าสู่ช่วงปรับฐานประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,340-4,300 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,410-4,450 เหรียญ

4. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (30 ธ.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 31.65 บาทต่อดอลลาร์

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (30 ธ.ค.68) "ยอดดอย" หนาวถึงหนาวจัด 3 องศา มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง "ยอดภู" 8 องศา / ฝุ่นละอองค่อนข้างมาก ระบายอากาศไม่ดี

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (29 ธ.ค.68) ร่วง 209.10 ดอลลาร์ นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งแรง

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (29 ธ.ค.68) ลบ 249.04 จุด หุ้นเทคโนโลยีร่วงทุบตลาด

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (30 ธ.ค.68) ร่วงแรง 1,300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,000 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (30 ธ.ค.68) ลบ 1.01 จุด ดัชนี 1,253.02 จุด

10. ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ (29 ธ.ค.68) ลบ 5.22 จุด ดัชนี 1,254.03 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (29 ธ.ค.68) ลบ 2.58 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,256.67 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,550-4,570เหรียญ

13. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (29 ธ.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 31.12 บาทต่อดอลลาร์

14. ตลาดหุ้นไทยเปิด (29 ธ.ค. 68) บวก 0.45 จุด ดัชนี 1,259.70 จุด

15. ทองเปิดตลาดวันนี้ (29 ธ.ค. 68) "คงที่" ทองรูปพรรณ ขายออก 67,300 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 31, 2025, 6:12 am