ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
MTS Gold คาดว่าราคาทองคำน่าจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,200 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,260 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

ภาพรวมราคาทองคำในวันศุกร์ปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 3,154 เหรียญ แต่ยังคงสูงกว่าจุดต่ำสุดเดิมที่ 3,120 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือระดับ 3,200 เหรียญได้ ซึ่งสัญญาณระยะสั้นบ่งชี้ว่าราคาทองคำสามารถกลับตัวได้ และหยุดปรับตัวลดลง ขณะที่เช้านี้ราคาทองคำเปิด GAP ขึ้นมาประมาณ 20 เหรียญ โดยเปิดที่บริเวณ 3,215 เหรียญ และปรับตัวขึ้นไปถึง 3,250 เหรียญ และขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3,227 เหรียญ เรียกได้ว่าราคาทองคำแกว่งตัวค่อนข้างมากในเช้านี้ แต่จุดต่ำสุดเริ่มยกตัวสูงขึ้น และมีลักษณะของการกลับทิศทางของราคาทองคำในช่วงคืนวันศุกร์ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำเปิด GAP ในทิศทางที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าราคาทองคำอาจจะอยู่ในทิศทางขาลง แต่เมื่อพิจารณาจากข่าวในช่วงเช้าวันนี้ประกอบกันแล้ว น่าจะเป็นทิศทางของการหยุดร่วงและเป็นการปรับตัว ซึ่งคาดว่าราคาทองคำน่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ แต่จะไม่รวดเร็วเหมือนในช่วง 4 เดือนก่อน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.479% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.979% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ 0.5% แม้ว่าสถานการณ์สงครามการค้าจะดูคลี่คลายลงแล้วก็ตาม แต่นโยบายการลดภาษีของปธน.ทรัมป์ยังไม่ผ่านสภา สำหรับฝั่งยุโรปยังคงอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างย่ำแย่ ด้านราคาน้ำมันดิบเริ่มดีดตัวสูงขึ้นหลังจากที่ลงไปต่ำสุดที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.41% ปิดที่ 62.49 เหรียญต่อบาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.36% ปิดที่ 65.41 เหรียญต่อบาร์เรล แม้ว่าจะมีอุปทานส่วนเกินในตลาดก็ตาม ส่วนสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่สามารถตกลงเจรจากันได้ ด้านค่าเงินบาทแข็งค่าลงในช่วงเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.29 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เปิดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 100.77 จุด และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 100.52 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 100.85 จุด



วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ในทางเทคนิคราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 3,180 เหรียญได้ ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในระยะสั้น โดยราคาทองคำยังไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ในคืนวันศุกร์ และเช้าวันนี้ราคาทองคำเปิด GAP ขึ้นมาดูจะเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำน่าจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,200 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,260 เหรียญ สำหรับราคาทองไทยเช้านี้เปิดที่ระดับ 50,700 บาทต่อบาททองคำ และปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 51,000 บาทต่อบาททองคำ เรียกได้ว่าราคาทองไทยยังคงอยู่ในช่วงของการทรงตัว ซึ่งปรับตัวช้ากว่าราคาทองคำในตลาดโลกเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,220 เหรียญ และแนวต้าน 3,280 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,200 เหรียญ และแนวต้าน 3,260 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,200 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,000 บาท/บาททองคำ

Gold Futures Series M25 จะมีแนวรับที่ระดับ 50,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 51,500 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำให้ซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้ม “Sideways” ระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ และหลีกเลี่ยงการใช้ leverage มากเกินไป เนื่องจากราคาอาจมีความผันผวน

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง

LastUpdate 19/05/2568 14:20:07 โดย :

19-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 19, 2025, 9:20 pm