(225)(224).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 มิ.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,866.87 จุด เพิ่มขึ้น 105.11 จุด หรือ +0.25%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,038.81 จุด เพิ่มขึ้น 32.93 จุด หรือ +0.55% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,714.99 จุด เพิ่มขึ้น 123.75 จุด หรือ +0.63% ขานรับความหวังสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การลดกำแพงภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์กำหนดไว้ในระดับสูง
โดยเจ้าหน้าที่เจรจาการค้าฝั่งสหรัฐฯ นำโดย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ และเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ส่วนเจ้าหน้าที่ฝั่งจีนนำโดย เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี
โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรจาเป็นไปด้วยดี และเขาคาดหวังว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลงในคืนวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ แต่ก็อาจจะต่อเนื่องไปจนถึงวันพุธหากจำเป็น
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า การเจรจากับจีนดำเนินไปด้วยดี แต่ก็ยอมรับว่าจีนเป็นคู่เจรจาที่ “ไม่ง่าย” แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่านับจนถึงขณะนี้เขาได้รับแต่รายงานที่ดีเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้
รายงานระบุว่า สหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่ผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกเทคโนโลยี หากจีนยอมลดข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายากซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่ใช้ในผลิตภัณฑ์พลังงาน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น สมาร์ตโฟน เครื่องบินขับไล่ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากเกือบ 70% ของตลาดโลก
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.77% และ 1.19% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.44%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 5.6% ส่วนหุ้นอัลฟาเบท ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากสื่อรายงานว่าบริษัทโอเพนเอไอ วางแผนที่จะเพิ่มบริการคลาวด์ของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alphabet เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านกำลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น
ธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.3% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 2.7% เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกระบุว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้มีน้อยกว่า 10%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย.
ข่าวเด่น