
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้มีช่วงที่เหวี่ยงลงมาทดสอบที่ระดับ 3,300 เหรียญในระยะสั้น ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาในช่วงปลายตลาดมาปิดที่ระดับ 3,336 เหรียญ และเช้านี้ยังคงทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 3,336 เหรียญ โดยขึ้นไปจุดสูงสุดที่ระดับ 3,345 เหรียญ ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในกรอบทิศทาง Sideways และอยู่ในระหว่างการสร้างฐานในกรอบ 3,300-3,350 เหรียญ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 947.66 ตัน ขณะที่ทางด้านสงครามการค้า ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่า อย่างน้อย 14 ประเทศ จะเริ่มถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยบางประเทศอาจต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้นเป็นพิเศษ สำหรับ ประเทศไทย จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่ ลาว จะถูกเรียกเก็บภาษี 40% ลดลงจากเดิม 48% นอกจากนี้ สินค้าจาก ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ จะถูกเก็บภาษีที่ 25% ด้าน มาเลเซีย, คาซัคสถาน และตูนิเซีย ที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีในอัตรา 25% ขณะที่สินค้าจาก แอฟริกาใต้ และบอสเนีย จะถูกเก็บภาษีนำเข้า 30% และสินค้าจาก อินโดนีเซีย จะถูกเรียกเก็บภาษี 32% ขณะที่เวียดนามเป็นชาติแรกในอาเซียน บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 20% แลกเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ ปลอดภาษี ส่งผลให้รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ ว่า สิ่งที่ไทยยื่นข้อเสนอไปล่าสุดนั้น เป็นการปรับปรุงจากข้อเสนอเดิมที่ยื่นไปก่อนหน้า โดยเฉพาะเรื่องอัตราภาษี ซึ่งไทยอาจจะต้องให้อัตราภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ 0% มากพอสมควร แต่คงไม่ได้ให้ทั้งหมดทุกรายการ ซึ่งภาพรวมนโยบายการขึ้นกำแพงภาษีของปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการนำเงินเข้าประเทศ ซึ่งทุกประเทศต้องแลกกับการที่ต้องลดภาษีประเทศตนเองลง ทำให้สินค้าสหรัฐฯขายได้มากขึ้น ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานนี้เปิดตลาดที่ระดับ 96.95 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 96.89-97.66 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 97.33 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.49 บาทต่อดอลลาร์ จะเห็นได้ว่าการเหวี่ยงของค่าเงินบาททำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวลดลงจาก 51,500 บาทต่อบาททองคำมาอยู่ที่ 51,200 บาทต่อบาททองคำในเช้านี้ ขณะที่ภาพรวมด้านดัชนีหุ้นต่างๆ มีแรงเทขายทำกำไรในระยะสั้น และปรับตัวลดลงมา หุ้นไทยก็น่าจะร่วงในระยะสั้นเช่นกัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำยังมีแนวโน้มการเคลื่อนตัวในกรอบทิศทาง Sideways โดยวันนี้คาดว่าจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,300 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,350 เหรียญ ยังคงแนะนำให้ทำกำไรในกรอบแคบ เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,345 เหรียญ และแนวต้าน 3,395 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,310 เหรียญ และแนวต้าน 3,360 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,400 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q25 จะมีแนวรับที่ระดับ 51,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 52,000 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบ ตามแนวโน้ม “Sideways” รอย่อซื้อมาราคาย่อตัว และแบ่งขายปิดทำกำไรตามกรอบแนวต้าน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของราคา
-นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น