ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นไทยเปิด (21 ส.ค.68) บวก 4.17 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,252.30 จุด


ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (21 ส.ค.68) ดัชนีอยู่ที่ 1,252.30 จุด บวก 4.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,956.29 ล้านบาท

บล.พาย ระบุ ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 16 จุด +0.04% แต่ Nasdaq , S&P500 ปิดแดนลบเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่ม Tech

ราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.6% ตอบรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงาน สต็อกน้ำมันดิบ พบว่าลดลง 6 ล้านบาร์เรลลดลงมากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.8 ล้านบาร์เรล ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดเผยผลประชุม FED (ครั้งก่อน) พบว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม (9 : 2) ส่วนคณะกรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรลดดอกเบี้ยเพราะกังวลกับตลาดแรงงาน

แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการส่วนใหญ่ยังประเมินว่า ความเสี่ยงเงินเฟ้อจากภาษีมีน้ำหนักมากกว่าการอ่อนแรงของตลาดแรงงาน หลังจากทราบข้อมูลข้างต้นพบว่า หลายๆ สินทรัพย์ค่อนข้างทรงตัว ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนว่า นักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักใดๆ มากนักกับปัจจัยข้างต้น เพราะกำลังรอดูประชุม Jackson Hole ในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย

ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ดัชนี PMI เบื้องต้นของสหรัฐฯ (Flash) และของฝั่ง EU รวมไปถึงยอดขายบ้านมือสอง Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 3.92 ล้านหลังคาเรือน

สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้ พบว่า SET ฟื้นตัวขึ้นมาบวก 1% ได้แรงหนุนหลักที่เด่นชัดจากกลุ่มปิโตรเคมี SCC PTTGC PTT หลังมีรายงานออกมาว่า ทางเกาหลีใต้ประกาศว่าจะร่วมกันลดอัตราการดำเนินการของโรงงาน

แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะปัจจุบันของการผลิตปิโตรเคมียังเป็นลักษณะ Over Supply (กำลังการผลิตส่วนเกิน) ทำให้ราคาส่วนต่างปิโตรเคมียังฟื้นตัวแบบจำกัด จึงมองการฟื้นตัวของกลุ่มนี้เป็นเพียงระยะสั้นมากกว่าประกอบกับเศรษฐกิจโลกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและหลังจากนี้เตรียมเผชิญกับผลกระทบจากนโยบายภาษีผสานกับส่งออกทั่วโลกจะเริ่มชะลอลงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจทั้งโลก

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 - 1260 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะตลาดยังดูไร้ปัจจัยใหม่ประกอบกับสัปดาห์หน้าประเทศไทยจะมีความเสี่ยงทางการเมืองที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะออกมาในรูปแบบไหน อาจจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว AOT CENTEL MINT ERW มีรายงานว่าจะเตรียมกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการสนับสนุนค่าเครื่องบินในประเทศ รวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก BJC CRC CPALL HMPRO หุ้นปันผลระหว่างที่น่าสนใจ SCB TACC

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ส.ค. 2568 เวลา : 11:38:43

22-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 22, 2025, 2:41 am