ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (15 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32.6 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 3,719.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ระดับ 97.300 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.034%
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพุธที่ 17 ก.ย.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมครั้งนี้
เฟดเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาในเดือนก.ค. จากการที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-2 ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว โดยกรรมการ 9 รายลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนอีก 2 รายคือนางมิเชล โบว์แมน และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด มีความเห็นสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนแอในไม่ช้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 ที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกโดยมีสมาชิกมากกว่า 1 รายโหวตสวนมติของที่ประชุมใหญ่ FOMC
ข่าวเด่น