(225)(294).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 ต.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 46,067.58 จุด เพิ่มขึ้น 587.98 จุด หรือ +1.29%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,654.72 จุด เพิ่มขึ้น 102.21 จุด หรือ +1.56% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,694.61 จุด เพิ่มขึ้น 490.18 จุด หรือ +2.21% ขานรับสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Broadcom และผู้ผลิตชิปรายใหญ่อื่น ๆ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณอ่อนท่าทีต่อจีน
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานี Fox Business Network ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงมีกำหนดการพบกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย–แปซิฟิก (เอเปค) ที่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้
เบสเซนต์ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีทิศทางดีขึ้น และ มาตรการเก็บภาษีสินค้าจีน 100% ที่ทรัมป์เคยประกาศไว้ “อาจไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น” พร้อมยืนยันว่าคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาหารือเพิ่มเติมที่กรุงวอชิงตัน ระหว่างการประชุมประจำปีของ ธนาคารโลก (World Bank) และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในสัปดาห์นี้
ข่าวดังกล่าวช่วยคลายแรงกดดันในตลาด หลังจากเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม จีนประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ทรัมป์ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทุกชนิด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม ทรัมป์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ไม่ต้องการทำร้ายจีน”
หุ้นใน 9 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมของดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 2.47% กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เพิ่มขึ้น 2.29% ส่วนกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวลง 0.36% และ 0.1% ตามลำดับ
แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 9.8% หลังประกาศจับมือกับ OpenAI ผลิตชิป AI สำหรับใช้ภายในองค์กร
หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 2.8%
หุ้น Micron Technology พุ่งขึ้น 6.1% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) ทะยานขึ้นเกือบ 5%
ขณะเดียวกัน หุ้น Oracle ปรับขึ้น 5.1% หลังโบรกเกอร์ 2 รายปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย และมองว่า Oracle จะได้ประโยชน์จากธุรกิจคลาวด์ด้าน AI
ส่วนหุ้น Estee Lauder พุ่งขึ้น 5.8% หลังนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ปรับคำแนะนำการลงทุนจากระดับ Neutral เป็น Buy
นักลงทุนยังรอดูผลประกอบการของธนาคารยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มรายงานในวันนี้ (14 ต.ค.) ได้แก่ JPMorgan Chase, Goldman Sachs, Citigroup และ Wells Fargo เพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่อาจกระทบรายได้ของภาคการเงิน
อีกทั้งยังจับตาความคืบหน้าของ สถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม และยังไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุด เนื่องจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่สามารถตกลงเรื่องร่างงบประมาณชั่วคราวได้ ล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์ได้เลิกจ้างพนักงานหลายสิบคนในศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รวมถึงนักระบาดวิทยาและนักวิทยาศาสตร์อาวุโส
ข่าวเด่น