(225)(311).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (11 พ.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 47,927.96 จุด เพิ่มขึ้น 559.33 จุด หรือ +1.18% ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,846.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ ดัชนี Nasdaq ปิด 23,468.30 จุด ลดลง 58.87 จุด หรือ -0.25% เนื่องจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจมีมูลค่าสูงเกินไป
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และขณะนี้ได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยหากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ทอม เอมเมอร์ ประธานวิปจากพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า สภาผู้แทนฯ จะเปิดสมัยประชุมในวันนี้ (12 พ.ย.) และคาดว่าจะมีการลงมติอย่างเร็วที่สุดในเวลา 16.00 น. หรือตรงกับเวลา 04.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ย.ตามเวลาไทย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ถูกแรงเทขายหนัก จนทำให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้น Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ ปิดตลาดร่วงลงเกือบ 3% หลังจาก SoftBank Group บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน Nvidia มูลค่า 5.83 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้น CoreWeave ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติงและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Nvidia ด้วยนั้น ปิดตลาดดิ่งลงกว่า 16% หลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์รายได้รายปีเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจศูนย์ข้อมูล
ส่วนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้น Micron Technology ร่วงลง 4.81%, หุ้น Oracle ปรับตัวลง 1.9% และหุ้น Palantir Technologies ปรับตัวลง 1.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดการจ้างงานเฉลี่ย 11,250 ตำแหน่งในช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. โดยเนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานประสบปัญหาในการสร้างงานในช่วงครึ่งหลังของเดือน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้นนำตลาด โดยหุ้น Merck ทะยานขึ้น 4.8%, หุ้น Amgen พุ่งขึ้น 4.7% หุ้น Johnson & Johnson ดีดตัวขึ้น 3% หุ้น Eli Lilly และหุ้น AbbVie พุ่งขึ้น 2.9%
ข่าวเด่น