ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.68) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.80 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 4,060.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 53,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 4.3%

นักวิเคราะห์จาก Zaner Metals กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำถึงสิ่งที่เฟดได้หารือกันในการประชุมเดือนต.ค.ว่า แม้ตลาดแรงงานชะลอตัวลง แต่ก็ยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งข้อมูลแรงงานล่าสุดนี้ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนักไม่ถึง 40% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ รายงานการประชุมเฟดซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 ต.ค.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค. โดยกรรมการส่วนหนึ่งกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% มาเป็นเวลากว่า 4 ปีครึ่งแล้ว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของ UBS ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำในช่วงกลางปี 2569 ขึ้น 300 ดอลลาร์ สู่ระดับ 4,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากคาดว่าราคาทองจะได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ตลอดจนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลางและกองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่จะเพิ่มความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานจะไม่เผยแพร่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค. แต่จะนำข้อมูลของเดือนดังกล่าวมารวมไว้ในรายงานเดือนพ.ย. เนื่องจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ส่งผลให้ BLS ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจภาคครัวเรือนในช่วงเวลานั้น

ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรรวมเดือนต.ค.และเดือนพ.ย. จะมีขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค. หลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9-10 ธ.ค.