ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) บวก 202.86 จุด รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 46,448.27 จุด เพิ่มขึ้น 202.86 จุด หรือ +0.44%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,705.12 จุด เพิ่มขึ้น 102.13 จุด หรือ +1.55% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,872.01 จุด เพิ่มขึ้น 598.92 จุด หรือ +2.69% โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งมุมมองบวกดังกล่าวได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปในกลุ่มเทคโนโลยี

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.94% และ 2.49% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 1.32% และ 0.32% ตามลำดับ

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม Magnificent Seven ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นเกือบ 600 จุด โดยหุ้นNvidia พุ่งขึ้น 2% หุ้น Meta Platforms พุ่งขึ้น 3.1% หุ้น Apple ดีดตัวขึ้น 1.6%

ส่วนหุ้น Alphabet พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 6.3% เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับจุดยืนในการแข่งขันด้าน AI ของบริษัท หลังจาก Google ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alphabet ประกาศเปิดตัวโมเดล AI รุ่นใหม่ในชื่อ “Gemini 3” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ได้มีเปิดตัว “Gemini 2.5”

ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อมูลแรงงาน รวมทั้งการที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งรวมถึงคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด, จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 42.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แม้ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในธุรกิจ AI แต่นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มตลาด โดยคาดการณ์ว่า S&P500 จะแตะที่ระดับ 8,000 จุดภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในเชิงบวกมากที่สุดในบรรดาโบรกเกอร์รายใหญ่ระดับโลก

หุ้น Bristol-Myers ดีดตัวขึ้น 3.3% หลังจาก Bayer ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในยุโรป เปิดเผยผลการทดลองยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นไปในเชิงบวก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในยา Milvexian ของ Bristol-Myers ที่กำลังอยู่ในขั้นทดลอง

ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ใกล้จะสิ้นสุดลง โดยข้อมูลของ LSEG ระบุว่า ณ วันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) บริษัทเกือบ 95% ในดัชนี S&P500 ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 83% ที่สามารถทำกำไรสูงกว่าคาด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขกำไรโดยรวมของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 14.7% ในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 8.8% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ส่วนฤดูการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงวันหยุดของสหรัฐฯ จะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) ในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. โดยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้น เป็นข้อมูลที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่ายอดขายในช่วงวันหยุดจะสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ตลอดจนข้อมูลจากภาคเอกชนซึ่งได้แก่ ราคาบ้านจาก S&P/Case-Shiller, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Conference Board และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) จากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ย. 2568 เวลา : 10:52:00

25-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2025, 1:29 pm