ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์




นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (26 พ.ย.68) ที่ระดับ  32.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.31 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.24-32.33 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ (โอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82%) จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดค้าปลีกเดือนกันยายน ที่ขยายตัว +0.2% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนพฤศจิกายน ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 88.7 จุด นอกจากนี้ รายงานข่าวที่ระบุว่า Kevin Hassett ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มเป็นตัวเต็งในการดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนถัดไป (ตลาดพนัน Polymarket ประเมินโอกาสราว 55%) ก็มีส่วนทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways กดดันโดย ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมที่ได้รับอานิสงส์จากการทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ขณะเดียวกัน โฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบ หลังราคาน้ำมันดิบได้ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ตามพัฒนาการของการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงแรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนของผู้เล่นในตลาด ก็มีส่วนชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเช่นกัน 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันบ้าง หลังหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Nvidia -2.6% เผชิญแรงขายออกมาบ้าง อีกทั้งบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานก็ปรับตัวลดลง Exxon Mobil -1.3% ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.91% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.67% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.91% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นอังกฤษ อย่างกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มค้าปลีก ก่อนที่จะรับรู้แผนงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษในวันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีในหลายส่วน นอกจากนี้ ความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดที่สูงขึ้น ก็มีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน  

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 4.00% หลังผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด และแนวโน้มที่ Keven Hassett (ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นมือขวาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์) เป็นตัวเต็งในการดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนถัดไป ทว่าการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ทั้งนี้ เราขอย้ำว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเคลื่อนไหวผันผวนได้ในช่วงนี้ ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ภาวะตลาดการเงินโดยรวม และประเด็นการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (ซึ่งจะมีผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ) อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip เท่านั้น และไม่ไล่ราคาซื้อ) เนื่องจาก เราคงประเมินว่า เฟดยังมีแนวโน้มทยอยเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้อีก 3 ครั้ง ครั้งละ 25bps จบที่ระดับ 3.25% ทำให้อาจยังพอเห็นการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากระดับ ณ ปัจจุบัน สู่ระดับ 3.80%-3.90% ได้ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ก่อนที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีโอกาสทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.20% อีกครั้ง ในช่วงปลายปี 2026

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลง สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทว่าการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาแผนงบประมาณรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเงินปอนด์อังกฤษได้พอสมควร ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะขายทำกำไรการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษในช่วงนี้ออกมาบ้าง ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่โซน 99.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.6-100.2 จุด)  ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะย่อตัวลงบ้าง แต่บรรยากาศตลาดการเงินโดยรวม ที่ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้งพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครนก็มีแนวโน้มอาจยุติลงได้ หากการเจรจาสันติภาพระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำยูเครน เป็นไปได้ด้วยดี (ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์) ทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways แถวโซน 4,170-4,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในช่วงราว 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ นี้ ตามเวลาประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟดได้ โดยผู้เล่นในตลาดจะจับตาสัญญาณต่อแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากรายงานดังกล่าว รวมถึง รอลุ้น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประกอบการประเมินภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน 

ส่วนในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการประกาศแผนงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และบอนด์ยีลด์อังกฤษ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลอังกฤษ

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ หรืออาจแข็งค่ากว่าระดับดังกล่าวได้บ้าง ในช่วงสิ้นปีนี้ หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น โดยหลังจากการที่ล่าสุด เงินบาทสามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้บ้าง แต่จะเห็นได้ว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายปี รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ 

นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความเสี่ยงที่เงินบาทอาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้างได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดจะทยอยรับรู้ แผนงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ได้อย่างมีนัยสำคัญ จากประเด็นแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลอังกฤษ  โดยหากผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลอังกฤษ ก็อาจเห็นแรงขายบอนด์ระยะยาวอังกฤษ กดดันให้ บอนด์ยีลด์ระยะยาวของอังกฤษปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกับการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์อังกฤษ ไม่ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในปีนี้ และที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ กับฝั่งของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นและเงินเยนญี่ปุ่น 

และที่สำคัญ หากรายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) กลับไม่ได้สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงชัดเจน อีกทั้งสะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้น หรืออยู่ในระดับสูงได้นาน ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดพลิกกลับมาปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะหนุนให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็ไม่น่าจะสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ และล่าสุด จากการประเมินสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด (Positioning) เราพบว่า ผู้เล่นในตลาดได้ทยอยเพิ่มสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ซึ่งอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ต่างก็รอจังหวะ Buy THB on Dip (หรือรอทยอยเพิ่มสถานะ Long THB ในจังหวะการอ่อนค่าของเงินบาทได้) 

และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.20-32.45 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 พ.ย. 2568 เวลา : 10:49:15

26-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2025, 11:49 am