ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (26 พ.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,427.12 จุด เพิ่มขึ้น 314.67 จุด หรือ +0.67%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,812.61 จุด เพิ่มขึ้น 46.73 จุด หรือ +0.69% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,214.69 จุด เพิ่มขึ้น 189.10 จุด หรือ +0.82% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคักก่อนวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามความกังวลเกี่ยวกับการมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปในกลุ่มเทคโนโลยี โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวลดน้อยลง หลังจากบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายได้รายไตรมาสและตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่สูงเกินคาด และล่าสุดความกังวลในเรื่องนี้ลดน้อยลงอีก เมื่อบริษัท Dell Technologies ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4 ที่สูงเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book โดยระบุว่า แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การจ้างงานชะลอตัวลงใน 6 เขตจากทั้งหมด 12 เขต และการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ปรับตัวลงด้วย ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงสิ่งที่เฟดกังวลว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลง โดย Beige Book เป็นการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐฯ และเป็นรายงานที่รวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค
สื่อรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวเก็งที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่แทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะครบวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า ขณะที่แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เช่น Kalshi และ Polymarket ต่างก็คาดการณ์ว่า แฮสเซตต์ จะนั่งตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ ปธน.ทรัมป์ก็จะมีพันธมิตรใกล้ชิดที่เขารู้จักและไว้วางใจอยู่ในเฟด ซึ่งจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่เขาต้องการ
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.32% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.27% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.5% และหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลง 0.25%
หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P 1500 Airlines Index พุ่งขึ้น 3% โดยได้แรงหนุนจากการเดินทางที่หนาแน่นในช่วงวันหยุด
การจราจรทางอากาศถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงฤดูการจับจ่ายใช้สอยซึ่งจะเริ่มต้นด้วยวันขอบคุณพระเจ้าที่ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. ตามมาด้วยวัน Black Friday และ Cyber Monday โดยช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนส.ค.
(225)(321).jpg)
ข่าวเด่น