(225)(332).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (22 ธ.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 48,362.68 จุด เพิ่มขึ้น 227.79 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,878.49 จุด เพิ่มขึ้น 43.99 จุด หรือ +0.64% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,428.83 จุด เพิ่มขึ้น 121.21 จุด หรือ +0.52% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
หุ้นเกือบทุกกลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.4%, หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์รายได้ที่สูงเกินคาดของบริษัท Micron Technology และตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ดัชนี S&P500 และดาวโจนส์ ขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม
หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 1.5% และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของดัชนี S&P500 หลังจากมีรายงานว่า Nvidia ได้แจ้งให้ลูกค้าในจีนทราบว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะเริ่มจัดส่งชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับสองไปยังประเทศจีน ก่อนวันหยุดเทศกาลตรุษจีนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
หุ้น Micron Technology พุ่งขึ้น 4% ขณะที่หุ้น Oracle พุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นบริษัทชิปรายอื่น ๆ ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วยให้ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.1%
หุ้น Tesla ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากศาลฎีการัฐเดลาแวร์มีคำตัดสินให้คืนสิทธิ์ค่าตอบแทนปี 2561 ให้กับอีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla
นักลงทุนจับตาปรากฏการณ์ "ซานตาคลอสแรลลี่ (Santa Claus Rally)" หรือปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงช่วงหลังปีใหม่
จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า เดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยข้อมูลจาก Stock Trader's Almanac ระบุว่า ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) ปรากฏการณ์ "Santa Claus rally" มักสะท้อนผ่านดัชนี S&P500 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี และ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม โดยในรอบนี้จะตรงกับวันที่ 24 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2569
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้ (23 ธ.ค.) จะมีการเปิดเผยตัวเลขการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2568, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Conference Board ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันพุธที่ 24 ธันวาคม และจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม เนื่องในวันคริสต์มาส
ข่าวเด่น