ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (26 ธ.ค.68) ที่ระดับ  31.07 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.01-31.14 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินที่เบาบางลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่งผลให้สินทรัพย์ส่วนใหญ่ในตลาดการเงินเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง และพอช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท 

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมมีแนวโน้มอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง สะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของบรรดาสัญญาฟิวเจอร์สดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในฝั่งของสัญญาฟิวเจอร์สหุ้นเทคฯ ที่ปรับตัวขึ้นราว +0.19% 

ในส่วนตลาดบอนด์ เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways โดยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ตราบใดที่บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเปิดโอกาสให้บรรดานักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวสหรัฐฯ ได้ โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเป็น 1. แนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ) 2. แนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ และ 3. บรรยากาศในตลาดการเงิน 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ (ประเมินจากดัชนี Bloomberg Dollar BBDXY) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แต่เริ่มมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินที่เบาบางช่วงปลายปี อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (BBDXY) ทรงตัวแถวโซน 1,200 จุด (สะท้อนว่า ดัชนีเงินดอลลาร์ DXY ก็อาจแกว่งตัวแถวโซน 97.80-97.90 จุด)  ในส่วนของราคาทองคำ ช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้างและสามารถทรงตัวเหนือโซน 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สอดคล้องกับจังหวะการย่อตัวลงของดัชนีเงินดอลลาร์ BBDXY ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ เนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะมีไม่มาก ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามมีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลา และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) จะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนถึง ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นยังมีกำลังอยู่ ทว่า ในช่วงระยะสั้นนี้ (จนถึงสิ้นปี 2025) การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอตัวลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ถือว่าเป็นช่วงหยุดยาวทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบาง ทว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวัง ว่า เงินบาทเสี่ยงเคลื่อนไหว Two-way Risk หรือพร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ได้พอสมควร หามีโฟลว์ธุรกรรมด้านใดด้านหนึ่งเข้ามากระทบตลาด โดยเฉพาะในช่วงวันทำการสุดท้ายของตลาดการเงินไทย 

และหากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับสำคัญ 31.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้นั้น เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรเริ่มประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอตัวลงและมีแนวโน้มพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ในระยะข้างหน้า โดยจากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของเงินบาท (Fair Value) จากโมเดล Behavioral Equilibrium Exchange Rate (BEER) ที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยเทียบกับฝั่งสหรัฐฯ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาท (USDTHB) และดัชนีเงินบาทที่แท้จริง (Real Effective Exchange Rate REER) เราพบว่า Fair Value ของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 33-34 บาทต่อดอลลาร์ (เฉลี่ยจากโมเดลของเราและของทาง Bloomberg Economics และ Fair Value ของ REER) ทำให้เงินบาทที่ระดับต่ำกว่า 30.75 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าเป็นระดับที่ Extremely Overvalued หรือเงินบาทแข็งค่าเกินไปมากอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเงินบาทจะมีแนวโน้มพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ ในระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน ข้างหน้า ทำให้เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดังกล่าว หากเกิดขึ้นจริงจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดสามารถทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์หรือเตรียมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่เงินบาทอาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งจากการประเมินด้วยปัจจัยต่างๆ ของเรา ดังที่ได้ระบุไว้ในบทวิเคราะห์ Global FX 2026 เราพบว่า เงินบาทเสี่ยงที่จะอ่อนค่ามากที่สุดในรอบปี 2026 ในช่วงดังกล่าว โดยอาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซน 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก สอดคล้องกับการประเมินความเป็นไปได้ของระดับการอ่อนค่าของเงินบาทในระยะ 6 เดือนข้างหน้า หากสามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซน 30.75 บาทต่อดอลลาร์ ได้ และยังสอดคล้องกับการประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่มีโอกาสเกิด 75% โดยอ้างอิงจากตลาด Options ซึ่งคำนวณโดยทาง Bloomberg

ในเชิงเทคนิคัลนั้น เรามองว่า หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (เราจะปรับมุมมองต่อแนวโน้มเงินบาทใหม่ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์) 

อนึ่ง เราขอเน้นย้ำว่า การจะเห็นเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้อย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องเห็น 1. การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน ซึ่งต้องอาศัยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งและดีกว่าคาดมาก 2. การปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำ หรือ ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการพักฐานใหม่ นอกจากนี้ หากราคาทองคำเร่งตัวสูงขึ้น ก็สามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน ผ่านโฟลว์ธุรกรรมไล่ราคาซื้อทองคำ หรือ Fear of Missing Out Buying Flows (FOMO Buy) และ 3. ปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งควรจะต้องเห็นความเสี่ยงที่รุนแรงต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก หรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ นักลงทุนต่างชาติแห่เทขายสินทรัพย์ไทย เช่น วิกฤตการเมือง (เรามองว่า ถ้าเป็นเพียงความวุ่นวายการเมืองอาจไม่ได้กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญได้)

เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.00-31.15 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ธ.ค. 2568 เวลา : 10:46:25

26-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2025, 1:43 pm