เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "แนวโน้มธุรกิจไบโอดีเซลไทย"



· ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตไบโอดีเซล (B100) เผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน โดยในปี 2564 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 53% และจะลดสู่ระดับราว 34% ในปี 2568

· รายได้ธุรกิจไบโอดีเซลไทยในปี 2568 มีทิศทางลดลง เพราะอุปสงค์ไบโอดีเซลคาดว่าจะหดตัว 14.0% จากนโยบายการใช้ B5 ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และความต้องการน้ำมันดีเซลที่จะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

· สำหรับปี 2569 รายได้ธุรกิจไบโอดีเซลอาจจะดีขึ้นเล็กน้อย จากอุปสงค์ไบโอดีเซลที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น 1.1% หากภาครัฐปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล ในขณะที่ ราคาไบโอดีเซลคาดว่าจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มดิบ

 
อุตสาหกรรมไบโอดีเซล (B100) ในไทยขับเคลื่อนโดยนโยบายภาครัฐ ที่สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ รวมถึงไบโอดีเซลซึ่งผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบเป็นหลัก เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิลนำเข้าและส่งเสริมเกษตรกรปาล์ม ทั้งนี้ ภาครัฐจะปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เพื่อพยุงราคาปาล์มในช่วงที่ผลผลิตปาล์มมีมาก นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้กำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลที่ขายในไทยทั้งหมดต้องมีไบโอดีเซลผสม ดังนั้น นโยบายภาครัฐจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไบโอดีเซลที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม

กำลังการผลิตส่วนเกินของอุตสาหกรรมไบโอดีเซลไทย

ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตไบโอดีเซลกำลังเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินนับตั้งแต่ปี 2564 (รูปที่ 2 และ 3) ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิต (capacity utilization) อยู่ที่ 53% และคาดว่าจะมีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 34% ในปี 2568

ทั้งนี้ กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2564-2567 เพราะในปี 2563 ภาครัฐกำหนดให้น้ำมันดีเซลที่มีการผสมไบโอดีเซลราว 10% (B10) เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศแทนที่น้ำมันดีเซลที่มีการผสมไบโอดีเซลราว 7% (B7) นอกจากนี้ ยังมีแรงจูงใจด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI เพื่อส่งเสริมการลงทุนในกิจการไบโอดีเซลที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือมีการวิจัยและพัฒนา ทำให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจและขยายกำลังการผลิต

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมก็ได้เริ่มปรับตัว ด้วยการลดกำลังการผลิต (capacity) ลงราว 2.5% ในปี 2568 แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่เผชิญอยู่ได้ โดยปัญหานี้ทำให้การแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะรายเล็กและกลางที่ประสบอุปสรรคในการแย่งชิงความต้องการที่จำกัดในตลาด นอกจากนี้ ต้นทุนต่อหน่วยการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะผู้ผลิตไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการประหยัดเชิงขนาด ซึ่งภาวะดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องไปในระยะข้างหน้า




รายได้ธุรกิจไบโอดีเซล

ในปี 2568 รายได้ธุรกิจไบโอดีเซลคาดว่าจะลดลง เพราะความต้องการไบโอดีเซลที่หดตัว แม้ราคาจะสูงขึ้น ในขณะที่ปี 2569 รายได้อาจจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากนโยบายเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล ประกอบกับราคาไบโอดีเซลที่คาดว่าจะปรับขึ้นเล็กน้อย

อุปสงค์ไบโอดีเซลไทยคาดว่าจะลดลง 14% ในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 1.1 ในปี 2569 (รูปที่ 4)

 
โดยอุปสงค์ไบโอดีเซลไทยขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ดังต่อไปนี้

1. สัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ภาครัฐกำหนด

สำหรับปี 2568 อุปสงค์ไบโอดีเซลไทยคาดว่าจะลดลง เพราะแม้ว่าสัดส่วนมีโอกาสเพิ่มขึ้นช่วงปลายปีนี้ แต่ไม่เพียงพอที่จะพยุงความต้องการไบโอดีเซลโดยรวมได้

ภาครัฐอาจจะปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาจาก 5-7% (B5) มาเป็น 6.6-7% (B7) ในช่วงปลายปี 2568 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยมีแนวโน้มลดลง เพราะผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ขยายตัวหลังจากไตรมาสแรกปีนี้ และจะทยอยเพิ่มขึ้นทั้งปีจากปรากฏการณ์ลานีญา โดยในเดือนมีนาคม ผลผลิต CPO ขยายตัวกว่า 102% MoM ทว่านโยบายการใช้ B5 ต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ก็ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อปริมาณการใช้ไบโอดีเซลในปีนี้

ในปี 2569 ความต้องการไบโอดีเซลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากภาครัฐปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาในช่วงปลายปี 2568 และยังได้รับแรงหนุนจากฐานที่ต่ำในปี 2568 ที่ความต้องการหดตัวลงมาก

2. ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลไทยคาดว่าจะลดลง 0.8% และ 1.3% ในปี 2568-2569

เพราะการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อขนส่งนักท่องเที่ยวโดยรถโดยสารมีแนวโน้มหดตัว จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยที่จะลดลงจากฐานที่สูงในปี 2567 ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในภาคการผลิต (รูปที่ 5)

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไทยอาจไม่สามารถปรับตัวต่ำลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีแนวโน้มลดลงในปี 2568-2569 เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไทยที่ตรึงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกยังคงมีฐานะขาดดุลสูง (รูปที่ 6)

 
ราคาไบโอดีเซลคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% และ 0.9% ในปี 2568 และ 2569

ตามทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาไบโอดีเซล (รูปที่ 7-8)

ในปี 2568 ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ที่อุปทานน้ำมันปาล์มดิบไทยตึงตัวในระดับสูง โดยเฉลี่ยสต็อก CPO ในช่วงดังกล่าวหดตัว 39% YoY จึงพยุงราคาไบโอดีเซลให้สูงกว่าปี 2567 แม้ว่าราคาจะเริ่มปรับตัวลงตามผลผลิตปาล์มที่ทยอยเพิ่มขึ้นหลังจากไตรมาสแรกแล้วก็ตาม

สำหรับปี 2569 ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยคาดว่าจะขยายตัวตามราคาตลาดโลก โดย World Bank คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกจะโต 2% ในปีหน้า1 เพราะได้รับแรงหนุนจากอินโดนีเซียที่ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจาก 35% (B35) ให้เป็น 40% (B40) ในปี 2568 และมีแผนจะเพิ่มเป็น 50% (B50) ในปี 2569 ทั้งนี้ อินโดนีเซียผลิตและใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นอันดับหนึ่งของโลก
 
 


ความเสี่ยงของตลาดไบโอดีเซลในระยะกลางถึงยาว

· พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ซึ่งระบุให้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพภายในปี 2569 จะกระทบราคาและความต้องการไบโอดีเซล เพราะผู้ผลิตไบโอดีเซลจะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงที่ราคาปาล์มอยู่ในระดับสูง ทำให้ความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างผลกำไรลดลง

· กฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมและแผนพลังงานไทยกดดันการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วต่อเนื่องในอนาคต อาทิ พ.ร.บ. Climate Change ที่ภาครัฐมีแผนจะบังคับใช้ภายในปี 2569 อาจจะทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปรับตัวเพื่อลดการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เช่น การเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรกลไฟฟ้ามากขึ้นในภาคก่อสร้างและการเกษตร เป็นต้น นอกจากนี้ ร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567-2580 (Oil Plan 2024) ยังมุ่งเน้นเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ส.ค. 2568 เวลา : 19:43:59
24-08-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (22 ส.ค.68) บวก 8.60 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,253.39 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาจะอยู่ในกรอบระหว่างแนวรับที่ระดับ 3,325 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,350 เหรียญ

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 ส.ค.68) บวก 9.98 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,254.77 จุด

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (22 ส.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก" ฝนตกหนัก 70% ภาคอื่นๆ 60%

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 ส.ค.68) ร่วง 152.81 จุด กังวลพาวเวลส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ส.ค.68) ลบ 6.9 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่า-ตลาดจับตาถ้อยแถลงพาวเวล

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 ส.ค. 68) ปรับขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,350 บาท

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 ส.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.75บาท/ดอลลาร์

10. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (22 ส.ค.68) บวก 2.97 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,247.76 จุด

11. เติมด่วน! พรุ่งนี้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สต./ลิตร เว้น E85 คงเดิม

12. ตลาดหุ้นปิด (21 ส.ค.68) ลบ 3.34 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,244.79 จุด

13. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงระหว่างแนวรับ 3,325 เหรียญ และ 3,360 เหรียญ หากราคาอ่อนตัวลงยังคงแนะนำให้เข้าซื้อเพื่อสะสม

14. แผ่นดินไหว 5.4 นอกชายฝั่งเมียนมา กรุงเทพฯ รับรู้แรงสั่นหลายพื้นที่

15. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 ส.ค.68) ลบ 2.13 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,246.00 จุด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 24, 2025, 9:18 pm