
เงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคก่อสร้างไทยขยายตัวต่อเนื่องในปี 2020-2024 ที่ 21%CAGR
โดยผู้รับเหมาก่อสร้างจีนเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งนำมาสู่วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรงในจีน ส่งผลกระทบต่อภาคก่อสร้างในจีนตามมา ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนมองหาโอกาสในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้น ประกอบกับในไทยยังมีการขยายตัวของความเป็นเมือง ที่ทำให้ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้งนี้ในปี 2025 ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนนิยมเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างรูปแบบการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย ทั้งกลุ่มงานก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์ กลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธา เช่น ระบบสาธารณูปโภค, การก่อสร้างและการซ่อมเหมืองแร่, กลุ่มงานก่อสร้างถนน สะพาน และอุโมงค์ และกลุ่มงานก่อสร้างทางรถไฟและรถใต้ดิน
ผู้รับเหมาไทยมีความเปราะบางอยู่แล้ว และถูกซ้ำเติมจากการเข้ามาของผู้รับเหมาจีน
- ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยมีความเปราะบาง ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องยกระดับ Productivity ไปจนถึงความท้าทาย ทั้งข้อจำกัดด้านรายได้ การรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ การบริหารจัดการด้านต้นทุน และปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยการเข้ามาของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน ซ้ำเติมผู้รับเหมาก่อสร้างไทย โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา รวมถึงยังกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใน Supply chain จากการใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากจีนเป็นหลัก
- เหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ เมื่อ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา กระทบความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจีน รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาครัฐเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ในส่วนของกลุ่มรับงานก่อสร้างภาคเอกชน แม้จะไม่ได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากผู้ว่าจ้าง แต่ต้องยกระดับความสามารถในการก่อสร้างให้ตอบโจทย์ด้านการรองรับภัยพิบัติ ขณะที่ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งด้านคุณสมบัติและประสบการณ์ ส่งมอบงานได้ตามคุณภาพ และตรงเวลา รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีก่อสร้างสมัยใหม่ ที่สามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ จะยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้
ผู้รับเหมาไทยควรเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรับมือกับการเข้ามาของผู้รับเหมาจีน ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับผู้รับเหมาต่างชาติอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี
- การนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบและก่อสร้าง, เทคโนโลยีก่อสร้างแบบสำเร็จรูป, Building Information Modeling (BIM), 3D Printing, AI, เครื่องจักรก่อสร้างอัตโนมัติ, Drone, Sensor, Smart wearable จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการเพิ่ม Productivity บริหารจัดการความท้าทาย รวมถึงได้เปรียบในการแข่งขันเข้าประมูลงานก่อสร้าง
- ผู้ว่าจ้างมีแนวโน้มว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความสามารถ และประสบการณ์ในการก่อสร้างอาคาร
และสิ่งปลูกสร้างที่สามารถรองรับภัยพิบัติ ส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควรขยายพันธมิตรไปสู่การร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, เยอรมนี และเกาหลีใต้ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันในการเข้าประมูลงาน สร้างความเชื่อมั่นสำหรับผู้ว่าจ้าง รวมถึงเปิดโอกาสในการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง
ภาครัฐต้องสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาต่างชาติ และการปกป้องผู้รับเหมาไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมขีดความสามารถให้ผู้รับเหมาไทย
- แม้มีการกำหนดสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ รวมถึงภาคก่อสร้างไทยได้ประโยชน์จากการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการจ้างงาน รวมถึงที่ผ่านมาได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง แต่ภาครัฐจำเป็นต้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขที่ปกป้องภาคก่อสร้างไทย เช่น ต้องมีการร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทย ต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง กำหนดให้ใช้แรงงานไทย และวัสดุก่อสร้างที่ผลิตในประเทศ กำหนดให้บริษัทไทยเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง อีกทั้งเข้มงวดกับการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ที่ใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเป็นนอมินี (Nominee)
- สำหรับการส่งเสริมขีดความสามารถให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทย อาจอยู่ในรูปแบบการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนเงินทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างที่ลงทุนนำเทคโนโลยีมาใช้ ให้สามารถยกระดับ Productivity และแข่งขันกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติได้มากขึ้น
สำรวจภาคก่อสร้างไทย ผู้รับเหมาต่างชาติกลุ่มไหนเข้ามาบ้าง ?
การอนุญาตให้ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทย อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถูกจัดอยู่ในกลุ่มบัญชีสาม คือ เป็นธุรกิจ
ที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ส่งผลให้การเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทยของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติสามารถอยู่ในรูปแบบการเข้าถือหุ้นร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทยได้ไม่เกิน 49% ซึ่งในกรณีนี้จะไม่ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (Foreign Business License : FBL) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่สำหรับกรณีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติต้องการเข้าถือหุ้นร่วมกับบริษัทไทยเกิน 49% ไปจนถึงเต็ม 100% จะต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำอย่างน้อย 3 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคม 2025 มีการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจก่อสร้างวิศวกรรมของคนต่างด้าวสะสมที่ 623 ราย ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ 42% เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสัญชาติญี่ปุ่น
รูปที่ 1 : การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจก่อสร้างวิศวกรรมของคนต่างด้าวสะสม
หน่วย : ราย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
นอกจากนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติยังมีช่องทางลงทุนร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทยในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในการดำเนินงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่แตกต่างกันของผู้ประกอบการแต่ละราย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และบริหารจัดการความเสี่ยงในการดำเนินงานก่อสร้าง
ทั้งนี้ภาครัฐมีการส่งเสริมการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ทั้งในรูปแบบการได้รับสิทธิตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และการได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ในกรณีที่เป็นโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงโครงการก่อสร้างที่มีนวัตกรรม หรือใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยหากได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษี และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมถึงจะได้รับการยกเว้นการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวด้วย โดยการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
ในส่วนของที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทยของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติในการดำเนินงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงโครงการก่อสร้างที่มีนวัตกรรม หรือใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
รูปที่ 2 : การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจก่อสร้างวิศวกรรมของคนต่างด้าวสะสม หน่วย : ราย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
เงินลงทุนโดยตรงจากฮ่องกงในภาคก่อสร้างไทยสูงเป็นอันดับหนึ่งในปี 2024 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Outflow) ในภาคก่อสร้างของฮ่องกงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง โดยฮ่องกงมีการลงทุนในภาคก่อสร้างในหลายภูมิภาค เช่น เอเชียตะวันออก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ในโครงการก่อสร้างหลากหลายรูปแบบ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ เช่น การพัฒนาที่ดิน, อาคารสูง รวมถึงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ, สนามบิน และระบบขนส่งมวลชน ทั้งนี้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ฮ่องกงสนใจเข้ามาลงทุนในภาคก่อสร้าง โดยในปี 2024 เงินลงทุนโดยตรงจากฮ่องกงในภาคก่อสร้างไทยอยู่ที่ 4,020 ล้านบาท ขยายตัว 112% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งยังเป็นการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2022-2024) ที่ 191%CAGR ทั้งนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างฮ่องกงมักเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย งานก่อสร้างทางรถไฟและรถใต้ดิน งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และโครงการวิศวกรรมโยธาที่เกี่ยวข้องในน้ำ รวมถึงงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธาอื่น ๆ เช่น ระบบสาธารณูปโภค, สิ่งอำนวยความสะดวก, การก่อสร้างและการซ่อมเหมืองแร่ การตัดถนน และโครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณูปโภคในไทย
รูปที่ 3 : มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Inflow) ในภาคก่อสร้างไทย*
หน่วย : ล้านบาท
หมายเหตุ : * เป็นการนำเข้าทุนจากการลงทุนเพิ่ม (ไม่ว่าจะในรูปของการลงทุนในทุนเรือนหุ้น กำไรที่นำกลับมาลงทุน หรือการกู้ยืมจากบริษัทในเครือในต่างประเทศ) โดยการนำเข้าทุนติดลบ หมายถึงในช่วงนั้น ๆ ธุรกิจในเครือหรือสาขาในไทยประสบผลขาดทุน หรือจ่ายปันผลสูงกว่ากำไรในงวดนั้น ๆ มีผลให้ยอดกำไรที่นำกลับมาลงทุน (Reinvestment of Earnings) ติดลบเป็นมูลค่าสูง จนส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนรวมติดลบไปด้วย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับเงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคก่อสร้างไทย ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยผู้รับเหมาก่อสร้างจีนเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมให้ผู้รับเหมาก่อสร้างออกไปดำเนินงานก่อสร้างในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ เช่น Belt and Road Initiative (BRI) และรถไฟความเร็วสูงในประเทศต่าง ๆ การส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ China State Construction Engineering Corporation (CSCEC) และบริษัทในเครือออกไปประมูลงานยังต่างประเทศ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งรูปแบบเงินอุดหนุนโดยตรง และรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารของรัฐ
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งนำมาสู่วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรงในจีน และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อภาคก่อสร้างในจีนตามมา ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนมองหาโอกาสในการดำเนินงานก่อสร้างในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้น ประกอบกับในไทยยังมีการขยายตัวของความเป็นเมืองอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า, สนามบิน, ระบบขนส่งมวลชน, สะพานข้ามประเทศ รวมถึงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรม, โรงงาน, อาคารสูง และโครงการที่อยู่อาศัย จึงส่งผลให้ไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน โดยในปี 2024 เงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคก่อสร้างไทยอยู่ที่ 3,052 ล้านบาท ขยายตัว 14% จากปี 2023 ซึ่งเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2020-2024)
ที่ 21%CAGR
ผู้รับเหมาจีนเข้ามารับงานก่อสร้างกลุ่มไหนบ้าง ?
ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเป็นอันดับต้น ๆ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภทโครงการก่อสร้างในปี 2025 ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนนิยมเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในไทยในรูปแบบการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย และมีแนวโน้มเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในกลุ่มอาคารเพื่อการพาณิชย์ต่าง ๆ เช่น โรงงาน อาคารสำนักงาน, โรงแรม, ศูนย์การค้า, ภัตตาคาร, ท่าอากาศยาน และคลังสินค้าในไทย โดย ณ เดือนกันยายน 2025 มูลค่าการร่วมลงทุนในกลุ่มงานก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัยของผู้รับเหมาก่อสร้างจีนคิดเป็นสัดส่วน 34% ของมูลค่าการร่วมลงทุนในกลุ่มงานก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัยของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติโดยรวม และขยายตัวถึง 21% เมื่อเทียบกับปี 2024
รูปที่ 4 : มูลค่าการร่วมลงทุนจากนักลงทุนสัญชาติจีนในนิติบุคคลธุรกิจก่อสร้างไทย กลุ่มงานก่อสร้างอาคาร หน่วย : ล้านบาท
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
สำหรับการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างในกลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธา พบว่า มูลค่าการร่วมลงทุนในกลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธาของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน ณ เดือนกันยายน 2025 คิดเป็นสัดส่วน 29% ของมูลค่าการร่วมลงทุนในกลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธาของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติโดยรวม โดยผู้รับเหมาก่อสร้างจีนมีแนวโน้มเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธาอื่น ๆ เช่น ระบบสาธารณูปโภค, สิ่งอำนวยความสะดวก, การก่อสร้างและการซ่อมเหมืองแร่, การตัดถนน และโครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณูปโภค, งานก่อสร้างถนน สะพาน และอุโมงค์ รวมถึงงานก่อสร้างทางรถไฟ และรถใต้ดิน ซึ่งมูลค่าการร่วมลงทุนในกลุ่มงานก่อสร้างดังกล่าว ณ เดือนกันยายน 2025 ขยายตัวในอัตราสูงอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปี 2024
รูปที่ 5 : มูลค่าการร่วมลงทุนจากนักลงทุนสัญชาติจีนในนิติบุคคลธุรกิจก่อสร้างไทย กลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธา หน่วย : ล้านบาท
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
การเข้ามาของผู้รับเหมาจีนกระทบผู้รับเหมาไทยอย่างไร ?
ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยมีความเปราะบางในการประกอบธุรกิจอยู่แล้ว และถูกซ้ำเติมด้วยการแข่งขัน
ที่สูงขึ้นจากการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน ที่มีการแข่งขันด้านราคา อีกทั้ง ยังกระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใน Supply chain ภาคก่อสร้างไทย Productivity ของแรงงานในภาคก่อสร้างยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างไทยยังมีความท้าทายด้านต้นทุนก่อสร้าง ทั้งค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ตลอดจนความท้าทายด้านรายได้ ที่ยังพบว่าผู้รับเหมาก่อสร้างที่รับงานภาครัฐเป็นหลักเผชิญปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ ราคากลางในการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนก่อสร้าง การเบิกจ่ายค่า K ที่เป็นไปอย่างล่าช้า ตลอดจนสูตรการคำนวณค่า K ที่ไม่สะท้อนต้นทุนการก่อสร้างที่แท้จริง สำหรับในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้างที่รับงานภาคเอกชนเป็นหลักยังเผชิญข้อจำกัดในการรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย ที่หดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องในปี 2025 และ 2026 จึงกล่าวได้ว่าผู้รับเหมาก่อสร้างไทยมีความเปราะบางในการประกอบธุรกิจอยู่มาก และส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องของกิจการตามมาอย่างรุนแรง ในระดับที่มีการปิดกิจการจำนวนมากในปี 2023 และ 2024
การเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้างจีน นับเป็นปัจจัยซ้ำเติมให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาในการเข้าประมูลงาน หรือรับจ้างก่อสร้าง ซึ่งการสนับสนุนของรัฐบาลจีนที่มีการส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ และบริษัทในเครือออกไปประมูลงานยังต่างประเทศ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง อีกทั้ง ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนสามารถดำเนินงานก่อสร้างได้โดยมีโครงสร้างต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้รับเหมาก่อสร้างไทย จากความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากจีนที่มีต้นทุนต่ำ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนสามารถเข้าประมูลงาน หรือรับงานก่อสร้างได้ในระดับราคาที่ต่ำกว่าผู้รับเหมาก่อสร้างไทยได้มาก จนผู้รับเหมาก่อสร้างไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ และสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากการดำเนินงานก่อสร้าง หรือในกรณีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยสามารถชนะการเข้าประมูลงาน หรือรับจ้างก่อสร้างด้วยการใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ก็จะมีความเสี่ยงที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยอาจเผชิญภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานก่อสร้าง ท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนก่อสร้างที่ยังอยู่ในระดับสูง
อีกทั้ง การเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน ยังกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใน Supply chain ภาคก่อสร้างไทย จากการใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากจีนเป็นหลักในหลายกลุ่มสินค้า เช่น เหล็กโครงสร้างสำเร็จรูป, อะลูมิเนียม และกระเบื้อง ซึ่งสินค้าวัสดุก่อสร้างจากจีนเหล่านี้ มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าสินค้าไทย จึงส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างไทยให้สูญเสียโอกาสในการจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างสำหรับการดำเนินงานก่อสร้างในประเทศ และกดดันให้อัตราการใช้กำลังการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างของไทยอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีนในรูปแบบการใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเป็น Nominee ทำให้ภาคก่อสร้างไทยเผชิญความเสี่ยง ทั้งการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้น และไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามข้อกำหนด การเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน
ในรูปแบบการใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเป็น Nominee ในการเข้าประมูลงาน หรือรับจ้างก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อภาคก่อสร้างไทยหลายด้าน ทั้งการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการดำเนินงานก่อสร้าง โดยในกรณีที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยในการดำเนินงานก่อสร้าง ทั้งขั้นตอนการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน การเกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้าง และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่มีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งพบว่าผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติอาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ประกอบกับการเข้าประมูลงาน หรือรับงานก่อสร้างในระดับราคาที่ต่ำ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเผชิญภาวะขาดทุนและปัญหาขาดสภาพคล่องจากการดำเนินงานก่อสร้าง โดยไม่สามารถก่อสร้างและส่งมอบงานได้ตามข้อกำหนด จนนำมาสู่ปัญหาการทิ้งงาน รวมถึงที่ผ่านมายังพบว่าการดำเนินงานก่อสร้างบางโครงการเกิดปัญหาค้างจ่ายค่างวดงานกับผู้รับเหมาช่วง และปัญหาค้างจ่ายค่าแรงงานอีกด้วย
เหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ เมื่อ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา กระทบความเชื่อมั่นในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจีน และกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่เคยมีปัญหาในการดำเนินงานก่อสร้าง เหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่ม จากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ เมื่อ 28 มีนาคม 2025 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่เพียงแต่ผู้รับเหมาก่อสร้างจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างที่เคยมีปัญหาในการดำเนินงานก่อสร้างโครงการภาครัฐ เช่น มีขั้นตอนการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างบ่อยครั้ง ใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างสำหรับงานโครงสร้าง ไม่สามารถก่อสร้างและส่งมอบงานได้ตามข้อกำหนด มีการร่วมทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาครัฐ มีแนวโน้มเผชิญความเข้มงวดจากหน่วยงานผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาหลัก พันธมิตร และผู้รับเหมาช่วง ขั้นตอนการก่อสร้างที่จะต้องมีความปลอดภัย และใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน ไปจนถึงขั้นตอนการตรวจรับงาน ที่หน่วยงานผู้ว่าจ้างจะมีความเข้มงวดมากขึ้น ทั้งคุณภาพของงานที่ส่งมอบ และความตรงเวลา นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐยังดำเนินการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการสมุดพกผู้รับเหมา ซึ่งเป็นการกำหนดบทลงโทษในกรณีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างกระทำผิด เช่น เกิดอุบัติเหตุ ส่งมอบงานล่าช้า เพื่อควบคุมคุณภาพของผู้รับเหมาก่อสร้าง ป้องกันปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานและทำงานไม่มีคุณภาพ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างในอนาคต รวมถึงสร้างระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานสามารถเข้าถึงประวัติของผู้รับเหมาก่อสร้างได้
ในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาคเอกชน จำเป็นต้องยกระดับความสามารถในการดำเนินงานก่อสร้างให้ตอบโจทย์ผู้ว่าจ้างด้านการรองรับภัยพิบัติ แม้ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาคเอกชนจะไม่ได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากผู้ว่าจ้าง เนื่องจากอาคารและสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในด้านสถาปัตยกรรม โดยไม่กระทบด้านโครงสร้างของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบกับกระบวนการว่าจ้างก่อสร้างของภาคเอกชนมีความเข้มงวดอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่จะก่อสร้างขึ้นใหม่ในระยะข้างหน้า ต้องสามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม ที่มีแนวโน้มเกิดบ่อยครั้ง และมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอาคารขนาดใหญ่ที่เป็นตึกสูง ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก ส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาคเอกชนจำเป็นต้องยกระดับความสามารถในการดำเนินงานก่อสร้างให้ตอบโจทย์ผู้ว่าจ้างในด้านการรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ได้
การปรับตัวของผู้รับเหมาไทย และบทบาทของภาครัฐ ควรเป็นอย่างไร ?
ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควรเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรับมือต่อการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างจีน ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบและก่อสร้าง, เทคโนโลยีก่อสร้างแบบสำเร็จรูป, Building Information Modeling (BIM), 3D Printing, AI, อุปกรณ์และเครื่องจักรก่อสร้างอัตโนมัติ, Drone, Sensor, Smart wearable ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Productivity และบริหารจัดการความท้าทายในการประกอบธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เช่น ลดความผิดพลาดจากการก่อสร้าง ลดการใช้แรงงาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนก่อสร้าง รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างที่สามารถนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ จะมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันเข้าประมูลงานก่อสร้าง และมีโอกาสเป็นตัวเลือกในลำดับต้น ๆ ของผู้ว่าจ้างได้
แม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา จะกระทบความเชื่อมั่นต่อผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจีน และกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่เคยมีปัญหาในการดำเนินงานก่อสร้าง แต่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยและต่างชาติ ที่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งด้านคุณสมบัติและประสบการณ์ ส่งมอบงานได้ตามคุณภาพ และตรงเวลา รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีก่อสร้างสมัยใหม่ ที่สามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ จะยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้
นอกจากนี้ ความเข้มงวดของหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ต่อผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มรับงานก่อสร้างภาครัฐที่สูงขึ้น จะเป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเลือกร่วมทุนกับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงคัดเลือกผู้รับเหมาช่วงที่มีความน่าเชื่อถือ ยกระดับขั้นตอนการก่อสร้างให้มีความปลอดภัย ใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างสำหรับงานโครงสร้าง และส่งมอบงานได้ตามคุณภาพ และตรงเวลา ซึ่งจะหนุนให้เกิดการแข่งขันทางด้านคุณภาพ รวมถึงจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างในระยะข้างหน้าตามมา
ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควรเปิดโอกาสในการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง ด้วยการขยายพันธมิตรไปสู่การร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติที่มีการพัฒนา และใช้เทคโนโลยีก่อสร้างอย่างรุดหน้า ในส่วนของการดำเนินงานก่อสร้างในกลุ่มงานอาคาร ทั้งที่พักอาศัย และไม่ใช่ที่พักอาศัย ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยมีการร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาตินั้น ส่วนใหญ่ยังเป็นการร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างจีน แต่การที่ผู้ว่าจ้างมีแนวโน้มว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความสามารถ และประสบการณ์ในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่มีความยืดหยุ่น และรองรับภัยพิบัติได้ ส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควรขยายพันธมิตรไปสู่การร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, เยอรมนี และเกาหลีใต้ มากขึ้น ซึ่งประเทศดังกล่าวมีการพัฒนา และใช้เทคโนโลยีก่อสร้างอย่างรุดหน้า โดยเฉพาะด้านวิศวกรรม, การวางระบบ, อุปกรณ์และเครื่องจักรก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ที่สามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันในการเข้าประมูลงาน สร้างความเชื่อมั่นสำหรับผู้ว่าจ้าง รวมถึงยังเปิดโอกาสในการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้างในกลุ่มงานอาคารจากผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติอีกด้วย
ภาครัฐต้องสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ และการปกป้องผู้รับเหมาก่อสร้างไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคก่อสร้างไทยได้ประโยชน์จากการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดการจ้างงาน รวมถึงที่ผ่านมาผู้รับเหมาก่อสร้างไทยได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนสูง รวมถึงมีการประยุกต์ใช้แนวคิดการบริหารโครงการก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น Project Management และ Lean Construction อีกทั้ง มีการนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้มากขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์บริหารจัดการโครงการก่อสร้าง เทคโนโลยี Building Information Modeling (BIM) การก่อสร้างแบบสำเร็จรูป การใช้เครื่องจักรก่อสร้างที่ทันสมัย ส่งผลให้ภาครัฐยังคงต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการดำเนินงานก่อสร้างในกลุ่มงานวิศวกรรมโยธา ที่ไทยยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า, สนามบิน, ระบบขนส่งมวลชน และสะพานข้ามประเทศ ขณะที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยยังควรได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่มีการพัฒนา และใช้เทคโนโลยีก่อสร้างอย่างรุดหน้า โดยการส่งเสริมการลงทุนให้ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และญี่ปุ่น
เข้ามาร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทย จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้างในกลุ่มงานก่อสร้างวิศวกรรมโยธาได้อีกค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ดี การเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติก็ส่งผลกระทบต่อผู้รับเหมาก่อสร้างไทย ที่ในปัจจุบันมีความเปราะบางในการประกอบธุรกิจจากวิกฤติที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องยกระดับ Productivity ไปจนถึงความท้าทายในการประกอบธุรกิจ ทั้งข้อจำกัดทางด้านรายได้ การรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ และการบริหารจัดการด้านต้นทุน รวมถึงเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องของกิจการตามมา ส่งผลให้ภาครัฐต้องสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ และการปกป้องผู้รับเหมาก่อสร้างไทย
แม้มีการกำหนดสิทธิประโยชน์ ทั้งการได้รับยกเว้นภาษี และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ แต่ภาครัฐจำเป็นต้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขที่ปกป้องผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควบคู่กันไป เช่น เงื่อนไขที่ต้องมีการร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาก่อสร้างไทย เพื่อปกป้องให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยไม่สูญเสียโอกาสในการรับงานก่อสร้างในประเทศ เงื่อนไขที่ต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างไทย เพื่อส่งเสริมโอกาสให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีก่อสร้าง นอกจากนี้ อาจกำหนดเงื่อนไขที่สนับสนุน Supply chain ภาคก่อสร้าง ที่จะไม่ให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในภาคก่อสร้างได้รับผลกระทบตามมา เช่น การกำหนดให้ใช้แรงงานไทย ทั้งแรงงานฝีมือ กึ่งฝีมือ และแรงงานพื้นฐาน การกำหนดให้ใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตในประเทศ การกำหนดให้บริษัทไทยเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ออกแบบ และตรวจแบบโครงการต่าง ๆ
อีกทั้ง ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งลดข้อจำกัด และส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควบคู่กันไป ในปัจจุบันที่ผู้รับเหมาก่อสร้างยังเผชิญความเปราะบางในการประกอบธุรกิจ
ส่งผลให้ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งลดข้อจำกัดในภาคก่อสร้าง โดยเฉพาะในส่วนของโครงการก่อสร้างภาครัฐ ที่จำเป็นต้องเร่งรัดเปิดประมูลโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ การกำหนดราคากลางในการเปิดประมูลที่ต้องสอดคล้องกับต้นทุนก่อสร้าง การเร่งรัดเบิกจ่ายค่า K และการปรับสูตรการคำนวณค่า K ให้สะท้อนต้นทุนการก่อสร้างที่แท้จริง เพื่อบรรเทาข้อจำกัดด้านรายได้ การรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ การบริหารจัดการด้านต้นทุน และปัญหาด้านสภาพคล่อง ทั้งนี้การปรับปรุงกฎหมายพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเร่งให้เกิดการลดข้อจำกัดต่าง ๆ ในภาคก่อสร้างได้
ในส่วนของการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทย อาจอยู่ในรูปแบบการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีก่อสร้าง การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนเงินทุน เช่น การนำเสนอวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ การขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างที่ลงทุนนำเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างไทย ให้สามารถยกระดับ Productivity และแข่งขันกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติได้มากขึ้น
ทั้งนี้ภาครัฐอาจมีบทบาทเร่งให้เกิดการใช้เทคโนโลยีก่อสร้างขั้นสูงอย่างแพร่หลายมากขึ้น ผ่านการกำหนดมาตรฐานการใช้เทคโนโลยีก่อสร้าง อย่าง BIM และ Digital twins ในการประมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยภาครัฐและผู้รับเหมาก่อสร้างอาจร่วมกันตั้งเป้าหมายระดับการใช้เทคโนโลยีก่อสร้าง และกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ร่วมกัน โดยเริ่มต้นจากการกำหนดมาตรฐานการใช้เทคโนโลยีก่อสร้างในโครงการก่อสร้างภาครัฐขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าโครงการระดับสูง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้เทคโนโลยี ที่จะยกระดับให้ภาคก่อสร้างสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภาครัฐยังต้องยกระดับความเข้มงวดในด้านการตรวจสอบคุณภาพของผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งการเร่งรัดดำเนินมาตรการสมุดพกผู้รับเหมา การตรวจสอบการเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ที่ใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเป็น Nominee ในการเข้าประมูลงานหรือรับจ้างก่อสร้าง และการบังคับใช้บทลงโทษผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีปัญหาในการก่อสร้างหรือการส่งมอบงานผ่านมาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่การดำเนินการปรับเงิน ตัดสิทธิ์ในการเข้าประมูลงาน ปรับลดระดับชั้น ไปจนถึงเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการตรวจสอบเพื่อป้องกันผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีปัญหาในการก่อสร้างหรือการส่งมอบงาน ที่ดำเนินการยกเลิกกิจการเดิม แล้วกลับมาตั้งกิจการใหม่เพื่อเข้าประมูลงานใหม่อีกด้วย โดยอาจอยู่ในรูปแบบที่ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องได้รับการรับรอง หรือผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่รับรอง หรือกำกับดูแล
ทั้งนี้ภาครัฐอาจศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่รับรอง กำกับดูแล ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพของผู้รับเหมาก่อสร้างและภาคก่อสร้าง ซึ่งหลายประเทศได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวแล้ว อย่างมาเลเซีย ซึ่งมีหน่วยงาน Construction Industry Development Board (CIDB) ที่ประกอบไปด้วยผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคก่อสร้าง ซึ่งมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะสำหรับภาครัฐ รวมถึงกำกับดูแล กำหนดมาตรฐาน และยกระดับคุณภาพของผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งการจดทะเบียน การเพิกถอน การระงับ และการฟื้นฟูการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ภาคก่อสร้างมาเลเซียมีความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ยังมีประเทศอื่น ๆ อย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีหน่วยงาน Building and Construction Authority (BCA) และออสเตรเลีย ซึ่งมีหน่วยงาน Australian Building and Construction Commission (ABCC) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านการยกระดับคุณภาพของผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศเช่นกัน
บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/Chinese-contractors-071025
ผู้เขียนบทวิเคราะห์
กัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ (kanyarat.kanjanavisut@scb.co.th) นักวิเคราะห์อาวุโส
ข่าวเด่น