
(-) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ต.ค. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 0.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 29.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่ม 0.04 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียประกาศปรับลดส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Arab Light กับค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบดูไบและโอมานในเดือน ธ.ค. 68 มาอยู่ที่ระดับ 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 11 เดือน
(+) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลังวานนี้ยูเครนยังคงเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียเพื่อตัดรายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียซึ่งนำมาใช้ในการทำสงคราม โดยรายงานล่าสุดบ่งชี้ว่ารายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียในเดือน ต.ค. 68 ปรับลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
(+/-) ตลาดจับตาการพิจารณาคดีของศาลฎีกาสหรัฐฯ (Supreme Court) อย่างใกล้ชิด หลังรายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาของสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยม 6 คน และสายเสรีนิยม 3 คน ตั้งข้อสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากร ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บกับประเทศอื่นๆ โดยล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะชนะคดีครั้งนี้อยู่ที่เพียง 15-30% เท่านั้น ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าหากศาลฎีกามีคำตัดสินให้ยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกจะถือเป็นหายนะสำหรับประเทศ
ข่าวเด่น