เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
แบงก์ชาติจับมือคลัง เปิดโครงการ 'ปิดหนี้ไว ไปต่อได้' หวังช่วยลูกหนี้เกือบ 2 ล้านบัญชี ปิดหนี้เสียเคลียร์ประวัติ


หนี้ครัวเรือนเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย ซึ่งรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่รายได้ของครัวเรือนจำนวนมากยังฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางยังมีปัญหาในการชำระหนี้ และกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว อาจซ้ำเติมสถานการณ์หนี้ครัวเรือน และส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ 

 
กระทรวงการคลัง ธปท. และภาคสถาบันการเงิน จึงร่วมกันดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ขึ้น ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจที่จะดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยเน้นหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) ทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งในระยะแรกจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำนวนประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้ประมาณ 43,600 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะรับซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายข้างต้น เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ โดย ธปท. จะปรับยุทธศาสตร์ให้ SAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสังคม (social AMC) ที่มุ่งเน้นช่วยแก้หนี้ให้ประชาชนโดยไม่มุ่งหากำไร ซึ่งในระยะต่อไปจะพิจารณาขยายให้ SAM รับซื้อหนี้จากผู้ให้บริการทางการเงินประเภทอื่นเพิ่มเติมด้วย

 
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนมากกว่าปกติเพื่อลดภาระหนี้ อาทิเช่น ยกเว้นดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดและค่าธรรมเนียม ลดยอดเงินต้นบางส่วน เป็นต้น ทำให้ลูกหนี้สามารถกลับมาจ่ายชำระได้และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น รวมทั้งกลับมามีประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโรที่ดีขึ้นและมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง โดยมี 2 มาตรการ ได้แก่ (1) จ่ายปิดจบ ให้ลูกหนี้จ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดจบหนี้ในทันที และ (2) ผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 3 ปี และจะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยเงินกู้ในระหว่างที่เข้าร่วมมาตรการ หากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข
 
 
 
สำหรับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านกลไกการขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนอีก 3.3 แสนบัญชี ซึ่งกระทรวงการคลังจะดำเนินการภายใต้หลักการและแนวทางการช่วยเหลือที่สอดคล้องกัน รวมทั้งสิ้นโครงการจะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยได้มากถึง 1.9 ล้านบัญชี โดยลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถศึกษารายละเอียดโครงการได้ที่ website ธปท. (www.bot.or.th/cleardebt) ช่องทางของ SAM (www.sam.or.th) หรือช่องทางของสถาบันการเงิน ซึ่งลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ที่สนใจปรับโครงสร้างหนี้กับโครงการนี้ สามารถติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้หรือสอบถามผ่านช่องทาง ธปท. (BOT contact center 1213) และ SAM (call center 1443) ได้ตั้งแต่ 5 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป

 
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาหนี้เสีย เป็นปัญหาที่อยู่กับสังคมไทยมานาน หากปล่อยไว้ต่อไปเรื่อย ๆ จะไม่ใช่แค่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย แต่จะฉุดรั้งชีวิตของคนในครอบครัวอีกหลายครอบครัว และฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยไม่ให้สามารถขยายตัวได้ในอนาคต รัฐบาลจึงได้มีโครงการ Quick Big Win เพื่อกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว แม้รัฐบาลจะมีช่วงอายุการทำงานที่จำกัด แต่เชื่อว่าจะสามารถช่วยชีวิตคนไทยได้ ซึ่งไม่แค่การช่วยในระยะสั้น แต่เป็นการช่วยที่ยั่งยืน และทั่วถึงในหมู่มาก

โครงการนี้ เป็นหนึ่งในโครงการเรือธง ในเสาที่ 2 เรื่องการลดภาระหนี้ของประชาชน ที่เป็นนโยบายรัฐบาล และจากความร่วมมือของทุกฝาย ทำให้ระยะเวลาเพียง 1 เดือน เราสามารถขับเคลื่อนโครงการนี้ออกมาได้” นายเอกนิติ กล่าว

 
นายเอกนิติ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนที่มีหนี้เสียรายละไม่เกิน 1 แสนบาท มีอยู่ราว 3.4 ล้านคน คิดเป็น 4.7 ล้านบัญชี เม็ดเงินราว 1.2 แสนล้านบาท หากรัฐบาลไม่ช่วยให้คนเหล่านี้กลับมามีชีวิตที่ดีได้ จะทำให้ชีวิตต้องจมปลักและเป็นปัญหาของสังคมและเศรษฐกิจไทยต่อไป ดังนั้นโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยจาก AMC หรือโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” จะไม่ใช่แค่การดึงหนี้ออกจากสถาบันการเงินไปสู่ AMC เท่านั้น แต่เราต้องการช่วยชุบชีวิตคนเหล่านี้ให้หายใจคล่องขึ้น ทั้งการตัดหนี้ตามความสามารถ การลดหนี้เท่าที่จ่ายไหว การยืดหนี้ที่ช่วยต่อลมหายใจได้มากขึ้น โดยต้องการพัฒนาให้เขาเหล่านี้สามารถกลับมาเป็นคนดี มีวินัยทางการเงิน และสามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อในอนาคตได้

 
ด้าน นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ลูกหนี้ NPL ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ในช่วงแรกของโครงการนี้ จะเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้ Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ 1.2 ล้านราย หรือคิดเป็น 1.6 ล้านบัญชี โดยจะขายหนี้ให้แก่ SAM และอีกส่วนเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions: SFIs) อีก 3 แสนบัญชี ที่จะขายและโอนหนี้ให้กับ Ari-AMC

 
ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการ “ปิดหนี้เสีย เคลียร์ประวัติ” โดยหากร่วมในมาตรการที่ 1 คือ “จ่าย ปิด จบ” ซึ่งชำระหนี้ก้อนเดียว ก็จะได้รับการปิดจบหนี้ และได้รหัส 11 ที่เป็นลูกหนี้ปกติ แต่หากร่วมในมาตรการที่ 2 คือ “ผ่อนเป็นงวด” ในระยะเวลา 3 ปี ไม่คิดดอกเบี้ย จะได้รหัส 16 แต่เมื่อผ่อนครบปิดจบหนี้แล้ว ก็จะได้รหัส 11 เป็นลูกหนี้ปกติ

 
หลังจากร่วมลงนาม MOU ในหลักการเบื้องต้นกันในวันนี้แล้ว ในช่วงเดือนธ.ค.68 จะเริ่มลงนามสัญญาโอนหนี้ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.69 เป็นต้นไป หนี้จะถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปอยู่ที่ SAM ซึ่งการติดต่อเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้นั้น ตั้งแต่ช่วง 5 ม.ค.69 ลูกหนี้อาจยังต้องติดต่อกับเจ้าหนี้เดิมไปก่อน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เจ้าหนี้/ SAM/ ธปท. แต่ตั้งแต่ก.พ.69 เป็นต้นไป SAM หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก SAM จะเริ่มทยอยติดต่อกลับลูกหนี้

 
“มาตรการนี้ จะเป็นมาตรการที่ทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิด Moral Hazard โดยจะดำเนินการกับลูกหนี้ที่เป็น NPL cut off ภายใน 30 ก.ย.68 ที่ผ่านมาเท่านั้น หลังจากเซ็น MOU ในวันนี้แล้ว ในเดือนธ.ค.ก็จะเริ่มทำรายละเอียดของสัญญาการโอนหนี้ SAM จะเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของจริง ๆ ของสินทรัพย์นี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.69 ลูกหนี้ไม่ต้องทำอะไร นี้เป็นกระบวนการภายในของแบงก์ และ SAM หลังจากเปิดมา 1 ม.ค.69 ก็มาชำระได้ แต่ช่วงแรก อาจต้องชำระกับสถาบันการเงินเดิม ให้ช่วยเก็บหนี้ให้ไปก่อน แต่หลังจากนั้นพอระบบ SAM พร้อม การโอนหนี้เรียบร้อย SAM ก็จะช่วยติดตามได้อีกส่วนหนึ่ง เราหวังว่า การทำเช่นนี้จะทำให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้ และมีประวัติที่ดีขึ้น และกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้” นายวิทัยกล่าว
 
 
 

LastUpdate 11/11/2568 19:34:12 โดย :
11-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (11 พ.ย.68) ลบ 5.79 จุด ดัชนี 1,300.47 จุด

2. ประกาศ กปน.: 12 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนบางนา-ตราด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (11 พ.ย.68) ลบ 1.78 จุด ดัชนี 1,304.48 จุด

4. MTS Gold คาดว่าจะมีเป้าหมายการขึ้นถัดไปที่ระดับ 4,240 เหรียญ ก่อนที่จะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 4,380 เหรียญในลำดับต่อไป ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,070 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,200 เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (11 พ.ย. 68) พุ่งขึ้น 950 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,200 บาท

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (10 พ.ย.68) พุ่ง 381.53 จุด ขานรับความหวังชัตดาวน์ใกล้ยุติ

7. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 พ.ย.68) พุ่ง 112.2 ดอลลาร์ คาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. หลังข้อมูลศก.ซบ

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (11 พ.ย.68) บวก 0.34 จุด ดัชนี 1,306.60 จุด

9. พยากรณ์อากาศวันนี้ (11 พ.ย.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 40% ภาคเหนือ-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 20% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน 10%

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.45 บาท/ดอลลาร์

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (11 พ.ย.68) ทรงตัว ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (10 พ.ย.68) บวก 3.35 จุด ดัชนี 1,306.26 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (10 พ.ย.68) บวก 3.12 จุด ดัชนี 1,306.03 จุด

14. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

15. MTS Gold คาดราคาทองคำมีโอกาสสูงที่ราคาจะขึ้นไปแตะระดับเป้าหมายที่บริเวณ 4,100 เหรียญได้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,990 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,080 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 11, 2025, 10:33 pm