เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB CIO มองกำไรบจ.สหรัฐฯไตรมาส3ดีกว่าคาดหนุน EPS ปีนี้โตกว่า9% ชี้กลุ่มเทคโนโลยียังเด่นแนะเก็บเข้าพอร์ตพร้อมEMรับแรงหนุนจากกระแส AI


SCB CIO  มองผลประกอบการกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด หนุน EPS ในปีนี้เติบโต 9-10% YoYการเกิดฟองสบู่ AI ยังไม่น่ากังวลเพราะบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ส่วนมากยังใช้กระแสเงินสดและกำไรสะสมในการลงทุนเป็นหลัก  SCB CIO ยังคงหนุนลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับธีม AI ในพอร์ตหลัก พร้อมเสริมด้วยหุ้นเทคโนโลยีโลกในพอร์ตระยะสั้น  ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยและหยุดQTของFed ส่งผลบวกต่อตลาดเกิดใหม่ (EM)ทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ จากสถิติปี 2540 -2568 ให้ผลตอบแทนประมาณ 15.5%  และ 8.4% ตามลำดับ พร้อมแนะลงทุนในหุ้นจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้  รับอานิสงส์จากธีม AI ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นวัฏจักร และแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้านทองคำ ยังคงต้องมีไว้ในพอร์ตหลัก แม้ระยะสั้นจะมีความผันผวนแต่ระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
 
 
นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB CIO ได้แลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนกับ BlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก โดยประเมินว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นสหรัฐฯในไตรมาสที่ 3/2568 มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนหลักจาก เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังขยายตัวได้แม้ชะลอตัวลง จากนโยบายการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย ตามแรงกดดันของตลาดแรงงานที่อ่อนตัว จึงเปิดทางให้ Fed ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และกระแสลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่ยังเร่งตัว ขณะที่ แนวโน้มทั้งปี 2568 คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดฯ จะเติบโต 9-10%YoY และการฟื้นตัวของ EPS กำลังกระจายตัวเป็นวงกว้างสู่หลายภาคส่วน ซึ่งกลุ่มที่ได้ประโยชน์เด่น เป็นบริษัทที่ลงทุนเชิงรุกในโครงสร้างพื้นฐาน AI และมีการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
 
ในส่วนของราคาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ แม้จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากกระแสการลงทุนด้าน AI แต่ระดับ Valuation ปัจจุบันยังอยู่ในกรอบที่รองรับได้ ไม่ได้เกินพื้นฐานเหมือนยุคฟองสบู่ดอทคอม ขณะเดียวกัน ตลาดยังคาดว่า EPS ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯจะเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ยังใช้กระแสเงินสดและกำไรสะสม เป็นแหล่งทุนหลักในการขยายศักยภาพด้าน AI มากกว่าการพึ่งพาหนี้สิน ซึ่งแตกต่างจากช่วงฟองสบู่ดอทคอมที่หลายบริษัทลงทุนเกินตัวโดยการก่อหนี้จากการออกหุ้นกู้เป็นหลัก แม้ว่าควรจับตาความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และแนวโน้มการใช้หนี้ในบางบริษัทที่เริ่มสูงขึ้นก็ตาม ดังนั้น SCB CIO แนะนำลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในพอร์ตหลัก พร้อมเสริมโอกาสระยะสั้น ด้วยการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ที่ได้แรงหนุนจากกระแส AI 
 
ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จากการที่ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับราว3% ภายในเดือน ธ.ค. 2569  ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3.75% - 4.00%  และ Fed จะหยุดการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening: QT) เพื่อลดแรงกดดันต่อสภาพคล่องของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความไม่สมดุลในโครงสร้างทางการคลังของสหรัฐฯและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ผลักดันให้ธนาคารกลางอื่นทั่วโลก เริ่มมีการใช้สกุลเงินอื่นนอกเหนือจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการทำธุรกรรมทางการค้าเพิ่มขึ้น และลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯในฐานะเงินสำรองของโลกลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและพันธบัตรของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets: EM) โดยจากสถิติช่วงปี 2540-2568 พบว่า ในช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ตลาดหุ้นและพันธบัตร ในตลาด EM ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15.5% และ 8.4% ตามลำดับ 
 
ขณะที่ประเทศในกลุ่ม EM ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อลดลงและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ทำให้ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศ EM สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น (Policy Spaces) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าหลายประเทศจะลดอัตราดอกเบี้ยมาก่อนแล้ว และส่งผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มประเทศ EM ลดลง ขณะที่ การเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรของตลาดหุ้นกลุ่มประเทศ EM ในปี 2569 แม้จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2568 แต่ก็ยังคงสูงกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed markets: DM)  ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลง ช่วยทำให้ความผันผวนของตลาดการเงินลดลง และช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดังนั้น เราจึงมองว่า ตลาดหุ้น EM ในเอเชีย มีความน่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ในพอร์ตลงทุนหลัก ในฐานะที่ได้รับอานิสงส์หลักจากธีม AI ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักร และมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อ 
 
นอกจากนี้  SCB CIO มองว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังขยายเวลาการระงับการเก็บภาษีตอบโต้ เป็นเวลา 1 ปี จะทำให้เกิดเสถียรภาพของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งช่วยลดความผันผวน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยคาดว่าอาจมีข้อตกลงการค้าเต็มรูปแบบในเดือน เม.ย. 2569 เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ มีแผนจะเยือนจีนอย่างเป็นทางการในช่วงดังกล่าว พร้อมเปิดทางให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เยือนสหรัฐฯ ในภายหลัง
 
ในส่วนของราคาทองคำนั้น SCB CIO ยังแนะนำลงทุนในพอร์ตหลักระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าราคาทองคำจะชะลอตัวในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น จากความตึงเครียดทางด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่แม้จะผ่อนคลายลง แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะยาวอยู่ และความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะของกลุ่มประเทศ EM ที่ยังมีแนวโน้มกระจายความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์ในทุนสำรองระหว่างประเทศไปยังทองคำอย่างต่อเนื่อง 
       
จัดทำโดย SCB CIO ณ วันที่  13 พฤศจิกายน 2568 ทั้งนี้ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา ผู้ใช้ข้อมูลควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน
 
คำเตือน 
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน  
• เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
• ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนรวมเพิ่มเติมได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไทยพาณิชย์ จำกัด
• สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 พ.ย. 2568 เวลา : 14:17:17
19-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 20 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระสุเมรุ

2. ตลาดหุ้นปิด (18 พ.ย.68) ลบ 10.03 จุด ดัชนี 1,270.04 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 พ.ย.68) ลบ 10.14 จุด ดัชนี 1,269.93 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ลบ 19.7 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่าฉุดตลาด

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ร่วง 557.24 จุด ถูกกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง-จับตาผลประกอบการ Nvidia

6. พยากรณ์อากาศ (18 พ.ย.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง แต่ยังคงมีฝนบางพื้นที่,ภาคอีสาน อุณหภูมิลด 3-5 องศา,ยอดดอย หนาวจัด 4 องศา,ภาคใต้ ฝน 70-80-%

7. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,010-3,990 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,060 -4,090 เหรียญ

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 พ.ย. 68) ร่วงลง 850 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,700 บาท

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 พ.ย.68) ลบ 9.20 จุด ดัชนี 1,270.87 จุด

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (17 พ.ย.2568) บวก 10.81 จุด ดัชนี 1,280.07 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 พ.ย.68) บวก 3.64 จุด ดัชนี 1,272.90 จุด

14. MTS Gold ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,055-4,035 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,130 -4,150 เหรียญ

15. อุตุฯ เตือนประเทศไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง "ยอดดอย" หนาวจัด 7 องศา

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 19, 2025, 8:34 am