เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ตลาดเริ่มคาดเฟดไม่ลดดอกเบี้ย"


คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/พักตัว ติดตามความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาที่อาจส่งผลทางจิตวิทยา แม้ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนรวมยังจำกัด ในขณะที่โอกาสในการลดดอกเบี้ยของเฟดใน ธ.ค. ลดลงเหลือเพียง 43% หนุนให้เงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่และไทยน้อยลงได้ในช่วงถัดไป ทางเทคนิคตลาดรีบาวด์หลังทดสอบ 1265 แล้ว หากยังไม่สามารถยืนเหนือ 1285/1295 ได้ให้ระวังว่าจะเป็นเพียงรีบาวด์สั้น การลงมีแนวรับที่ 1270/1255

ประเด็นสำคัญ

• รัฐบาลแถลงย้ำจุดยืนต่อการระงับปฏิญญาร่วม กระทรวงพาณิชย์เผยจะยึดคำพูดจากการหารือระหว่างนายกฯ และ ปธน. สหรัฐฯ ที่แยกแยะประเด็นความมั่นคงและการเจรจาการค้า โดยจะเดินหน้าเจรจากับ USTR ต่อและคงกรอบเวลาเดิมในการเจรจาข้อตกลงการค้าในรายละเอียดให้เสร็จภายในสิ้นปี 2568

• สภาพัฒน์เผย 3Q68 GDP ขยายตัว 1.2%YoY ชะลอลงจากไตรมาสก่อน และต่ำกว่าที่ตลาดคาดแต่ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ที่ 1.0%YoY ชะลอลงตามการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐและการส่งออกบริการ และประเมิน GDP ปี 2568 จะเติบโต 2.0%YoY จากการเร่งส่งออกและผลจากภาษีศุลกากรที่น้อยกว่าคาด

• ประธานรัฐสภาเผยความคืบหน้าการเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง รธน. ในวาระที่ 2 ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาล แต่ได้รับทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าจะมีการตกลงพิจารณาระหว่างวันที่ 8-10 ธ.ค. 2568 และต้องเว้นช่วง 15 วันจึงจะสามารถลงมติในวาระ 3 ได้ สะท้อนกรอบเวลาการยุบสภาที่ชัดเจนขึ้น

• FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 55.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมใน ธ.ค. 2568 เพิ่มจากน้ำหนักที่ 37.6% ในสัปดาห์ก่อน

• 3Q68 GDP ญี่ปุ่นหดตัว 1.8%YoY หดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส กดดันจากการส่งออกที่กระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ และการชะลอตัวของการลงทุนที่อยู่อาศัย ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวญี่ปุ่นวานนี้ปรับลงหลังจีนประกาศเตือนพลเมืองเลี่ยงไปญี่ปุ่น เช่น Shiseido (9.1%) Fast Retailing (-5.3%)

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ โดยทางเทคนิคหลังดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1285 ทำให้มีโอกาสแกว่งลงไปที่บริเวณ 1265/1240 ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาซึ่งอาจกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น แม้คาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการ บจ. ไทยโดยรวม รวมทั้งการประชุม ครม. คาดจะมีการพิจารณามาตรการแก้หนี้เสียรายย่อย, รถไฟฟ้าสายสีม่วง-สีแดง 40 บาทตลอดสาย และเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ FOMC Minutes, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญทั้งภาคแรงงาน NFPs และภาคเงินเฟ้อ PCE CPI หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BCPG BEM BGRIM PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีซึ่งมี SET ESG Ratings A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5% และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BAM KTB AP SIRI TOP BLA   

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย 2) หุ้นที่คาดมีโอกาสได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมขังเฉพาะจุด แนะนำ TASCO HMPRO GLOBAL ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจจะได้รับผลกระทบจิตวิทยา หากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาบานปลายรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่าง CBG SAV

Daily Top Picks

GULF: ปัจจัยหนุนจากโครงการ Direct PPA ของรัฐบาล และปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้า Jackson มีแนวโน้มดีกำไรเติบโตดีตาม Capacity Payment ที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก US$27/MW-day เป็น US$270/MW-day และการเริ่ม COD โครงการ Solar 5 แห่ง และโครงการ Solar+BESS 2 แห่งใน 4Q68 เป้าหมายระยะสั้น 43.50 บาท

TRUE: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากผลประกอบการที่มีแนวโน้มดีขึ้น รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 3Q68 และคาดจำนวนผู้ใช้รายใหม่สุทธิจะเป็นบวกใน 4Q68 อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนหลังการประมูลคลื่นความถี่หนุน เป้าหมายระยะสั้นที่ 11.80 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ย. 2568 เวลา : 11:32:41
19-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 20 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระสุเมรุ

2. ตลาดหุ้นปิด (18 พ.ย.68) ลบ 10.03 จุด ดัชนี 1,270.04 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 พ.ย.68) ลบ 10.14 จุด ดัชนี 1,269.93 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ลบ 19.7 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่าฉุดตลาด

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ร่วง 557.24 จุด ถูกกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง-จับตาผลประกอบการ Nvidia

6. พยากรณ์อากาศ (18 พ.ย.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง แต่ยังคงมีฝนบางพื้นที่,ภาคอีสาน อุณหภูมิลด 3-5 องศา,ยอดดอย หนาวจัด 4 องศา,ภาคใต้ ฝน 70-80-%

7. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,010-3,990 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,060 -4,090 เหรียญ

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 พ.ย. 68) ร่วงลง 850 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,700 บาท

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 พ.ย.68) ลบ 9.20 จุด ดัชนี 1,270.87 จุด

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (17 พ.ย.2568) บวก 10.81 จุด ดัชนี 1,280.07 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 พ.ย.68) บวก 3.64 จุด ดัชนี 1,272.90 จุด

14. MTS Gold ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,055-4,035 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,130 -4,150 เหรียญ

15. อุตุฯ เตือนประเทศไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง "ยอดดอย" หนาวจัด 7 องศา

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 19, 2025, 8:32 am