เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
วิจัยกรุงศรีวิเคราะห์ "เศรษฐกิจโลก ทรัมป์สั่งยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารหลายรายการหวังลดค่าครองชีพ ด้านเศรษฐกิจจีนอ่อนแรงลงต่อเนื่อง"


สหรัฐ


ความกังวลต่อเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ลดทอนโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย สภาผู้แทนราษฎรมีมติ 222 ต่อ 209 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์จนถึงวันที่ 30 มกราคม 2569 โดยพรรครีพับลิกันให้คำมั่นว่าจะมีการพิจารณาร่างกฎหมายด้านสุขภาพที่พรรคเดโมแครตต้องการต่ออายุในภายหลัง

แม้ว่าสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณและช่วยให้หน่วยงานราชการกลับมาเปิดทำการได้ แต่เป็นเพียงการจัดสรรงบชั่วคราวเพื่อให้รัฐบาลทำงานได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ อาจนำไปสู่ Government Shutdown ได้อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงาน รวมถึงยอดค้าปลีก ที่จะทยอยรายงานหลังการเปิดหน่วยงานราชการ จะช่วยให้การประเมินทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาทิศทางเงินเฟ้อหลังทรัมป์สั่งยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับสินค้าเกษตรและอาหารหลายรายการ เช่น กาแฟ โกโก้ กล้วย และเนื้อวัว เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ 3% ซึ่งยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% เป็นปัจจัยที่ลดทอนความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า

ยูโรโซน
 
โมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น อาจส่งผลให้ ECB คงดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง  ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 25.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ 22.7 ขณะที่ GDP ไตรมาส 3/2568 ขยายตัว 1.4% YoY สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 1.3% ส่วนดุลการค้าเดือนกันยายนขยายตัวมากสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ และเครื่องจักร ที่เพิ่มขึ้น
 
แม้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนยังมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ แต่คาดว่าโมเมนตัมจะเริ่มเป็นบวกมากขึ้นในปีหน้าจาก (i) แรงหนุนผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนี (ii) การลดลงของดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาและการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างที่จะช่วยหนุนการบริโภค และ (iii) ภาคบริการที่ยังโตดี สำหรับภาคการผลิตและส่งออกคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แต่ผลกระทบอาจน้อยกว่าหลายประเทศเนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าที่เก็บจากยุโรปอยู่ที่ 15% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ วิจัยกรุงศรีประเมินว่า ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2%
 
 
จีน
 
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของจีนอ่อนแรงลง โดยการเติบโตของยอดค้าปลีกสินค้าชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เหลือเพียง 2.9 % YoY ในเดือนตุลาคม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 4.9% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรหดตัวเร่งขึ้นจาก -0.5% ในช่วง 9 เดือนแรกเป็น -1.7% ในช่วง 10 เดือนแรก ขณะที่ราคาบ้านใหม่และบ้านมือสองในเดือนตุลาคมยังหดตัวต่อเนื่องที่ -2.6% และ -5.4% ตามลำดับ ส่วนยอดสินเชื่อใหม่ภาคครัวเรือนพลิกกลับมาลดลงอีกครั้งที่ -360.4 พันล้านหยวนในเดือนตุลาคมจากที่เคยเพิ่มขึ้น 389 พันล้านหยวนในเดือนกันยายน

เครื่องชี้ทางเศรษฐกิจล่าสุดส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น แม้ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากวันหยุดยาว แต่การชะลอตัวสะท้อนถึงความเปราะบางของพื้นฐานเศรษฐกิจแม้จะมีมาตรการกระตุ้น เช่น การอุดหนุนการแลกซื้อสินค้าใหม่ และการอุดหนุนดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการบริโภค ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดหุ้นในระยะนี้ (ดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 19% นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน) ยังไม่เพียงพอต่อการชดเชยความมั่งคั่งของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างมากจากวิกฤตในภาคอสังหาฯ ผู้บริโภคจึงยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย ภายใต้สถานการณ์ที่การบริโภค การลงทุน และการส่งออกอ่อนแรงลง จีนจึงมีความจำเป็นมากขึ้นในการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา

เศรษฐกิจไทย
 
เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจไตรมาส 3 หดตัวเทียบกับไตรมาสก่อนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี แต่อาจหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเทคนิคในไตรมาสสุดท้ายของปี
 
GDP ไตรมาส 3 ปี 2568 ต่ำกว่าคาดที่ 1.2% YoY และ -0.6% QoQ ทั้งปีวิจัยกรุงศรียังคงประมาณการไว้ที่ 2.1% สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.2%  ต่ำกว่าที่วิจัยกรุงศรีและตลาดคาดไว้ที่ 1.4% และ 1.6% ตามลำดับ โดยชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาส 2 เนื่องจากแรงขับเคลื่อนอ่อนแรงลงหลายด้าน นำโดย (i) การหดตัวของการส่งออกภาคบริการ (-10.7%) (ii) การชะลอตัวของการส่งออกสินค้า (+10.8% vs +14.3% ในไตรมาส 2) และ (iii) การหดตัวของการลงทุนและการบริโภคภาครัฐ (–5.3% และ -3.9% ตามลำดับ) จากการลดลงของภาคก่อสร้างและความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ สำหรับการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว (+2.6%) แต่การใช้จ่ายด้านบริการเติบโตช้าลงตามภาวะท่องเที่ยวที่อ่อนแอและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวที่ +4.2% แม้การลงทุนด้านก่อสร้างหดตัว ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ปีนี้ขยายตัวที่ 2.0% และคาดการณ์ปี 2569 เติบโตที่ 1.2-2.2% (ค่ากลางที่ 1.7%)

ตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยมีสาเหตุหลักจาก (i) การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐที่อ่อนแรงลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสดังกล่าว (ii) การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ช้ากว่าประเมิน และ (iii) ปัจจัยชั่วคราว อาทิ การปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุง และการปิดโรงงานบางแห่งชั่วคราวเพื่อย้ายฐานการผลิต สำหรับในระยะข้างหน้า แรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจะเริ่มส่งผลต่อภาคการผลิตและการค้า แต่คาดว่าในไตรมาส 4 ปัจจัยบวกจากทิศทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสและมาตรการเที่ยวดีมีคืน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและกิจกรรมภาคบริการให้ปรับดีขึ้น หนุนให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) และจะช่วยให้หลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเทคนิคได้ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรียังคงประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 2568 ที่ 2.1%

 
ทางการเปิดตัวโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ช่วยแก้หนี้รายย่อย ขณะที่รายได้ที่เติบโตต่ำนับเป็นโจทย์ใหญ่ของหนี้ครัวเรือน กระทรวงการคลัง ธปท. และสถาบันการเงินร่วมกันเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” โดยมุ่งเป้าหนี้เสียไม่มีหลักประกันที่เป็น NPL โดยมียอดสินเชื่อไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งในระยะแรกจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำนวนประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้รวม 43,600 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะรับซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายข้างต้น เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้

แม้โครงการดังกล่าวจะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้รายย่อยได้ แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างจากรายได้ที่เติบโตช้ายังเป็นโจทย์ใหญ่ของหนี้ครัวเรือนที่รอการแก้ไข โดยผลสำรวจข้อมูลรายได้และรายจ่ายของครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในช่วงปี 2564–2566 ชี้ว่ารายได้เฉลี่ยของครัวเรือนเพิ่มขึ้นเพียงปีละราว 1,806 บาท ใกล้เคียงกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นปีละ 1,803 บาท ส่งผลให้ครัวเรือนแทบไม่มีรายได้ส่วนเกินสำหรับการออมหรือชำระหนี้อย่างยั่งยืน กลุ่มที่น่ากังวลคือครัวเรือนรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีมากกว่า 69% ของประเทศ โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ที่ทั้งรายได้และรายจ่ายลดลง สะท้อนกำลังซื้อที่หดตัวและความสามารถในการจ่ายหนี้ที่ลดลง ในระยะต่อไปการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงต้องอาศัยการยกระดับรายได้และผลิตภาพของแรงงานควบคู่กันไป
 
 
 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ย. 2568 เวลา : 12:53:14
19-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 20 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระสุเมรุ

2. ตลาดหุ้นปิด (18 พ.ย.68) ลบ 10.03 จุด ดัชนี 1,270.04 จุด

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 พ.ย.68) ลบ 10.14 จุด ดัชนี 1,269.93 จุด

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ลบ 19.7 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่าฉุดตลาด

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 พ.ย.68) ร่วง 557.24 จุด ถูกกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง-จับตาผลประกอบการ Nvidia

6. พยากรณ์อากาศ (18 พ.ย.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง แต่ยังคงมีฝนบางพื้นที่,ภาคอีสาน อุณหภูมิลด 3-5 องศา,ยอดดอย หนาวจัด 4 องศา,ภาคใต้ ฝน 70-80-%

7. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,010-3,990 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,060 -4,090 เหรียญ

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 พ.ย. 68) ร่วงลง 850 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,700 บาท

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 พ.ย.68) ลบ 9.20 จุด ดัชนี 1,270.87 จุด

11. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (17 พ.ย.2568) บวก 10.81 จุด ดัชนี 1,280.07 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 พ.ย.68) บวก 3.64 จุด ดัชนี 1,272.90 จุด

14. MTS Gold ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,055-4,035 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,130 -4,150 เหรียญ

15. อุตุฯ เตือนประเทศไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง "ยอดดอย" หนาวจัด 7 องศา

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 19, 2025, 8:34 am