เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
วิจัยกรุงศรีวิเคราะห์ "เศรษฐกิจโลก การจ้างงานในสหรัฐฯ ยังอ่อนแอ ขณะที่ความขัดแย้งกับจีนเพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ส่วนจีนถูกฉุดรั้งจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอและวิกฤตภาคอสังหาฯ"


สหรัฐฯ
 
ความคาดเคลื่อนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่ง ในเดือนกันยายน แต่ตัวเลขเดือนสิงหาคมแย่ลงจากรายงานเดิมซึ่งเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง ปรับเป็นลดลง 4,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 51 ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเติบโตในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แม้ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นขยายตัวมากสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

ตลาดแรงงานและภาคการผลิตที่มีสัญญาณอ่อนแอลง รวมถึงความเชื่อมั่นที่อยู่ในระดับต่ำ สะท้อนภาพการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอลง ขณะเดียวกันการประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารกว่า 2,000 รายการ และราคาพลังงานที่อยู่ในระดับต่ำ คาดว่าจะช่วยลดทอนแรงกดดันต่อเงินเฟ้ออันเป็นผลมาจากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม การยกเลิกรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนตุลาคมและการเลื่อนออกตัวเลขเดือนพฤศจิกายนอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดขาดข้อมูลที่เพียงพอในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธันวาคมนี้
 
 
ญี่ปุ่น
 
แม้มีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ความขัดแย้งกับจีนเพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น  GDP  ของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 หดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ที่ -1.8% YoY และ -0.4% QoQ โดยการส่งออกลดลง -1.2% QoQ ขณะที่ PMI ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 48.8 ในเดือนพฤศจิกายน ส่วน PMI ภาคบริการขยายตัวต่อเนื่องที่ 53.1 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มูลค่ารวม 21.3 ล้านล้านเยน เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
 
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอ่อนแอเนื่องจากการบริโภคถูกกดดันจากค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง และการส่งออกที่ถูกกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่ความขัดแย้งกับจีนเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของญี่ปุ่น ภายหลังจีนประกาศให้ประชาชนงดเดินทางไปญี่ปุ่น รวมถึงหยุดซื้ออาหารทะเลและหยุดการอนุมัติฉายภาพยนต์เรื่องใหม่จากญี่ปุ่น ซึ่งอาจส่งผลลบต่อภาคท่องเที่ยวและการส่งออก อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นที่มีมูลค่ามากสุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 อาจช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดว่า BOJ มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 0.75% ภายในไตรมาสแรกปีหน้า เพื่อตอบสนองต่อเงินเยนที่อ่อนค่าแรงและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
 
 
จีน
 
ความอ่อนแอในตลาดแรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาว (16-24 ปีไม่รวมนักเรียน) ในเดือนตุลาคมยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 17.3% ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ของผู้พัฒนาอสังหาฯ 100 อันดับแรกหดตัวแรงที่สุดในรอบหนึ่งปีที่ -41.9% YoY ส่วนราคาบ้านใหม่และบ้านมือสองเฉลี่ยใน 70 เมืองหดตัวต่อเนื่องนานเกือบ 4 ปีในเดือนตุลาคมที่ -2.6% และ -5.4% ตามลำดับ ล่าสุด รัฐบาลกำลังพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเร่งแก้ไขวิกฤตในภาคอสังหาฯ เช่น เงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่ การเพิ่มเงินคืนภาษีสำหรับผู้กู้ซื้อบ้าน และการลดต้นทุนในการทำธุรกรรมการซื้อบ้าน

การส่งออกที่อ่อนแรงลงอาจทำให้จีนต้องหันมาพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้น หากการเติบโตของยอดค้าปลีกสูงขึ้นจาก 3.5% YoY ในปี 2567 เป็น 5.5% ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจะชดเชยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้ถึง 26% อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นการบริโภคยังเผชิญอุปสรรคและข้อจำกัด อาทิ (i) การว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่สูง (ii) ความเชื่อมั่นต่อการจ้างงานในระยะข้างหน้าที่ต่ำกว่าก่อนโควิดถึง 45% และ (iii) ความมั่งคั่งที่สูญเสียไปจากวิกฤตในภาคอสังหาฯ ปัจจุบัน ภาคอสังหาฯ ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวแต่อย่างใดแม้จีนเร่งออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์บ้านใหม่มีแนวโน้มชะลอลงในระยะยาวตามโครงสร้างประชากรที่หดตัวลง

 

เศรษฐกิจไทย
กรอบแผนการคลังระยะปานกลางชี้ไทยเร่งลดความเสี่ยงทางการคลัง ท่ามกลางแรงกดดันด้านอันดับเครดิต 
 
รัฐบาลเร่งคุมเข้มวินัยการคลัง ตั้งเป้าขาดดุลการคลังต่ำกว่า 3% ของ GDP ภายในปี 2572 การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบแผนการคลังระยะปานกลางปี 2570–2573 โดยตั้งเป้าลดการขาดดุลงบประมาณเหลือไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 2572 ลดลงจากขาดดุล 4.4% ในปี 2569 พร้อมยืนยันคงเพดานหนี้สาธารณะไว้ไม่เกิน 70% ของ GDP นอกจากนี้ ได้มีการปรับหลักเกณฑ์การกำหนดกรอบการคลังให้เข้มงวดชัดเจนขึ้น เช่น (i) การตั้งงบกลางไม่เกิน 3% ของงบประมาณรายจ่าย (ii) การตั้งงบใช้คืนหนี้ไม่ต่ำกว่า 4% ของงบประมาณรายจ่าย และ (iii) การตั้งงบประมาณผูกพันสูงสุดไม่เกิน 5% ของงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น ขณะเดียวกันรัฐบาลเริ่มเร่งรัดพิจารณากระบวนการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 วางกรอบวงเงิน 3.788 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีงบฯก่อน และเป็นงบขาดดุล 3.9% ของ GDP

การกำหนดกรอบวินัยการคลังที่เข้มงวดขึ้นสะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการปรับสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่สถาบันจัดอันดับเครดิตสำคัญ 2 แห่งได้ปรับแนวโน้มเครดิต (Outlook) ของไทยลงสู่เชิงลบ (Negative) (เดือนเมษายนและกันยายนที่ผ่านมา) การกำหนดเป้าหมายลดขาดดุลทางการคลังให้ต่ำกว่า 3% ภายในปี 2572 เร็วขึ้นจากการแผนครั้งก่อน รวมถึงการจำกัดงบกลาง งบใช้คืนหนี้ และงบผูกพัน จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของกระบวนการจัดทำงบประมาณ ตลอดจนแสดงความมุ่งมั่นที่จำกัดการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะไม่ให้สูงเกินเพดาน 70% ของ GDP ซึ่งเป็นจุดที่ตลาดการเงินให้ความสำคัญ นอกจากนี้ การเดินหน้าปรับโครงสร้างรายได้รัฐ ควบคู่กับการควบคุมรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จะช่วยเสริมความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติและลดต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐในระยะกลาง หากสามารถดำเนินนโยบายตามกรอบที่กำหนดได้จริง จะเป็นปัจจัยบวกต่อเสถียรภาพการคลังและอันดับเครดิตของประเทศในอนาคต ล่าสุด กลางเดือนพฤศจิกายน  S&P ประกาศยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ และคงแนวโน้มที่ มีเสถียรภาพ (Stable)
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ย. 2568 เวลา : 13:13:51
26-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (25 พ.ย.68) บวก 16.05 จุด ดัชนี 1,268.78 จุด

2. ประกาศ กปน.: 2 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 พ.ย.68) บวก 14.49 จุด ดัชนี 1,267.22 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,110-4,080 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,160-4,180 เหรียญ

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์

6. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) บวก 14.7 ดอลลาร์ ขานรับความหวังเฟดลดดบ.เดือน ธ.ค.

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 พ.ย.68) บวก 202.86 จุด รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (25 พ.ย. 68) พุ่งขึ้นแรง 750 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,150 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (25 พ.ย.68) บวก 9.75 จุด ดัชนี 1,262.48 จุด

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.45 บาท/ดอลลาร์

11. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 พ.ย.68) ทั่วไทยอากาศเย็นลงลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา เว้นภาคอีสาน ลด 2-4 องศา ภาคเหนือ 2-3 องศา ส่วนภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 70%

12. ประกาศ กปน.: 30 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง

13. ตลาดหุ้นปิด (24 พ.ย.68) ลบ 1.67 จุด ดัชนี 1,252.73 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (24 พ.ย.68) บวก 3.54 จุด ดัชนี 1,257.94 จุด

15. กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ตลาดไม่แน่ใจแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2025, 9:54 am