เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "ราคาทุเรียนสดไทยในปี 2569 ยังไม่ฟื้นตัว คาดว่าจะลดลง 2.7%"


· ในปี 2569 คาดว่าราคาทุเรียนสดไทยจะลดลง 2.7% ไปอยู่ที่ 90 บาทต่อกก. เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากแรงกดดันด้านการแข่งขัน รวมถึงมาตรฐานนำเข้าที่เข้มงวดของจีน และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

· แม้ไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในจีน แต่เวียดนามมาแรงจากความได้เปรียบด้านต้นทุนต่ำและระยะขนส่งที่ใกล้กว่า ซึ่งอาจกดดันให้มูลค่าส่งออกทุเรียนสดไทยในปี 2569 ลดลง 1.8%

· ตลาดทุเรียนสดที่มีศักยภาพของไทยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ขณะที่กว่างซีจ้วง ไทยอาจเสียเปรียบเวียดนาม ส่วนเสฉวน เป็นตลาดที่น่าสนใจและยังมีโอกาสขยายการส่งออกได้มาก

ปี 2568 ราคาทุเรียนสดไทยต่ำกว่า 100 บาทต่อกก.เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปี 2568 ราคาทุเรียนสด1ไทยลดลงถึง 16% ไปอยู่ที่ 92.5 บาทต่อกก. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้าที่มีราคาสูงถึง 108.7 บาทต่อกก. ซึ่ง

เติบโตเฉลี่ย 6.4% ต่อปี โดยสาเหตุหลักที่ฉุดราคามาจากผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 23.2% ไปแตะ 1.59 ล้านตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต2 ที่อยู่ที่ 1.31 ล้านตัน จากสภาพอากาศเอื้อต่อการผลิตเพราะปรากฏการณ์ลานีญา ส่งผลให้รายได้เกษตรกรโต 3.5% ขณะที่การส่งออกทุเรียนสดไทยอาจโตเพียง 0.5% ไปอยู่ที่ 3,773 ล้านดอลลาร์ฯ จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน3

ปี 2569 คาดว่าราคาทุเรียนสดไทยจะลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แต่ในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 2.7%

ในปี 2569 ราคาทุเรียนสดไทยคาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัว โดยปรับลดลงไปอยู่ที่ 90 บาทต่อกก. ต่ำกว่า 100 บาทต่อกก.ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (รูปที่ 1) อีกทั้งยังกดดันรายได้เกษตรกรให้ลดลง 0.7% ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ราคาทุเรียนสดไทยมีแนวโน้มยากที่จะกลับไปสูงกว่า 100 บาทต่อกก.ดังเช่นในอดีต จากปัจจัยลบที่ยังคงอยู่
 
 
ในมุมการส่งออก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าส่งออกทุเรียนสดไทยในปี 2569 จะลดลง 1.8% มาอยู่ที่ 3,705 ล้านดอลลาร์ฯ จากแรงกดดันในตลาดจีนใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

ความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดจีนลดลง โดยเฉพาะจากคู่แข่งหลักอย่างเวียดนามที่รุกตลาดจีนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2565 หลังจีนอนุญาตนำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนาม4 ประกอบกับการพัฒนาของเวียดนามที่ทำให้มีการส่งออกเพิ่มและขยายส่วนแบ่งตลาดได้อย่างก้าวกระโดด5 ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยในจีนทยอยลดลง (รูปที่ 2) นอกจากนี้ ยังมีคู่แข่งหน้าใหม่อย่างฟิลิปปินส์ในปี 2566 มาเลเซียในปี 2567 และกัมพูชากับสปป.ลาวในปี 2568

 
อย่างไรก็ดี แม้ไทยยังครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดในจีนจากคุณภาพที่ดีและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แต่เวียดนามมีความได้เปรียบด้านต้นทุนต่ำและระยะขนส่งที่ใกล้กว่า ดังแสดงในตารางเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนสดไทยและเวียดนามในตลาดจีน (รูปที่ 3)
 
 
 
มาตรฐานนำเข้าของจีนยังเข้มงวด โดยตั้งแต่เดือนก.ย. 25676 จีนควบคุมการนำเข้าทุเรียนสดในด้านคุณภาพและสารตกค้าง เช่น แคดเมียม และ BY2 รวมถึงการลงทุนในไทยที่ต้องผ่านมาตรฐานด้านสุขอนามัย การขึ้นทะเบียนสวน และโรงคัดบรรจุ ทำให้ผู้ประกอบการไทยยังมีต้นทุนเพิ่มเพื่อรักษามาตรฐานเหล่านี้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะรุนแรงขึ้น โดยครึ่งปีหลังอาจเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ7 ทำให้ร้อนแล้งและกดดันผลผลิตทุเรียนไทยให้เพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ไปอยู่ที่ 1.62 ล้านตันในปี 2569 นอกจากนี้ ในระยะยาว สภาพอากาศที่แปรปรวนจะกระทบทั้งปริมาณการส่งออกและคุณภาพผลผลิต เช่น ความอ่อน/แก่ของทุเรียน เป็นต้น

โอกาสทุเรียนไทยภายใต้การแข่งขันกับเวียดนาม จะแตกต่างกันไปตามแต่ละมณฑลในจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดส่งออกทุเรียนสดไทยที่มีศักยภาพอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ขณะที่กว่างซีจ้วง ไทยอาจเสียเปรียบเวียดนาม ส่วนเสฉวน ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีโอกาสขยายตัวได้อีก

 
เมื่อพิจารณาตามมณฑลที่นำเข้าทุเรียนสด พบว่า 5 มณฑลแรกที่นำเข้าจากไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2,951 ล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่เวียดนามมีมูลค่าอยู่ที่ 2,322 ล้านดอลลาร์ฯ สะท้อนว่าไทยยังครองตลาดในจีน โดยมี 4 มณฑลที่นำเข้าจากทั้งสองประเทศตรงกัน ได้แก่ กวางตุ้ง ยูนนาน เจ้อเจียง และกว่างซีจ้วง (รูปที่ 4) ทั้งนี้ รายละเอียดการวิเคราะห์โอกาสของทุเรียนสดไทยในแต่ละมณฑลเมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนาม (รูปที่ 5) มีดังนี้

 
มณฑลที่เติบโตโดดเด่น คือ กวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง ซึ่งจีนมีการนำเข้าทุเรียนสดจากไทยสูงกว่าเวียดนาม อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีรายได้และประชากรสูง จึงเป็นตลาดศักยภาพที่ไทยควรรักษาไว้

มณฑลที่ท้าทาย คือ กว่างซีจ้วง ซึ่งจีนมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยที่น้อยกว่าเวียดนาม เนื่องจากเป็นพื้นที่รายได้น้อย จึงทำให้ทุเรียนสดราคาถูกจากเวียดนามทำตลาดได้ดีกว่า

มณฑลที่น่าสนใจ คือ เสฉวน แม้จะนำเข้าทุเรียนสดจากไทยเพียง 233 ล้านดอลลาร์ฯ8 แต่ก็มีมูลค่าที่สูงกว่าการนำเข้าจากเวียดนามถึง 129.9% อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีรายได้และประชากรสูง จึงเป็นตลาดที่ไทยมีโอกาสขยายการส่งออกได้อีกมาก

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ธ.ค. 2568 เวลา : 12:21:38
26-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 27 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี

2. ตลาดหุ้นปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.52 จุด ดัชนี 1,259.25 จุด

3. ตลาดหุ้นไทยปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 5.28 จุดดัชนี 1,259.49 จุด

4. MTS Gold คาดราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,480-4,450 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,540-4,560เหรียญ

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 ธ.ค. 68) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 66,900 บาท

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (26 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา/ภาคใต้ ฝนตกหนัก 40-60% คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กงดออกจากฝั่ง จนถึง 28 ธ.ค.

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 ธ.ค.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 ธ.ค.68) ลบ 0.06 จุด ดัชนี 1,264.71 จุด

9. ตลาดหุ้นปิด (25 ธ.ค.68) ลบ 10.56 จุด ดัชนี 1,264.77 จุด

10. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 ธ.ค.68) ลบ 8.74 จุด ดัชนี 1,266.59 จุด

11. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,450-4,430 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,500-4,525 เหรียญ

12. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ทำนิวไฮ บวก 288.75 จุด ขานรับ "ซานต้าแรลลี่"

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ธ.ค.68) ลบ 2.90 ดอลลาร์ นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งทำนิวไฮ

14. พยากรณ์อากาศวันนี้ (25 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา /ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (25 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2025, 11:08 pm