หุ้นทอง
'TURBO' ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศ ประกาศราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น นักลงทุนเตรียมจองซื้อ 19-23 ก.ย. นี้


‘บมจ. เงินเทอร์โบ’ หรือ TURBO ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและพลังคนรุ่นใหม่ ชูพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อเติบโตแบบก้าวกระโดดผ่านทุกสภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถในการสร้างรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ให้บริการในอุตสาหกรรม¹  วางกลยุทธ์มุ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า รุกเพิ่มสาขาไม่ต่ำกว่า 1,475 แห่ง ภายในปี 2572 และพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินและบริการใหม่ๆ มุ่งสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศ ประกาศราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดจองซื้อ 19-23 ก.ย. 68 โชว์กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) 2568 พุ่งกว่า 285.8%
 
 
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO เปิดเผยว่า “TURBO” ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการที่ไม่ครบถ้วน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต้องการที่จะเห็นผู้คนในทุกๆ ชุมชน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ มีความสมเหตุสมผล และเข้าใจวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจสินเชื่อ ประกอบด้วย สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อโฉนดที่ดิน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์  2.ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งประกอบด้วยประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ภายใต้จุดแข็ง การบริการที่สะดวกรวดเร็ว เข้าใจลูกค้า และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กรในทุกขั้นตอน ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้ดี มีต้นทุนการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีสาขาทั้งสิ้น 996 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ 54 จังหวัดทั่วประเทศ
 
จากจุดแข็งดังกล่าว แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ แต่กลุ่มบริษัทฯ สามารถสร้างพอร์ตสินเชื่อเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 3,282.0 ล้านบาท ณ วันที่  31 ธันวาคม 2563 เป็น 11,262.9 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568  คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 31.5% นอกจากนี้ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทฯ ยังมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อสาขาที่ 1.4 ล้านบาทต่อปี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมเดียวกัน¹ ซึ่งอยู่ที่ 2.3 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มั่นใจว่าค่าใช้จ่ายการดำเนินการดังกล่าวต่อสาขาจะลดลงจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ มีระบบเทคโนโลยีที่เหมาะสมและวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังมีศักยภาพเติบโตสูงจากการเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีอายุสาขาเฉลี่ยเพียง 4.1 ปี ซึ่งมีสัดส่วนสาขาที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปีถึง 65.6% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568
 
 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า TURBO เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อสร้างการเติบโตสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศ ด้วยกลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่ 1) มุ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า (Build Brand) โดยเน้นคุณภาพการให้บริการ รักษาความประทับใจและการบอกต่อของลูกค้าให้อยู่ในระดับสูง 2) พัฒนาระบบเทคโนโลยี (Build Technology) โดย TURBO ยังคงกลยุทธ์ในการมีทีมเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ทำให้สร้างระบบเทคโนโลยีที่มีความเฉพาะและยืดหยุ่นได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการนำ AI มาปรับใช้ในทุกๆ กระบวนการทำงาน 3) เพิ่มความสะดวกสบาย (Build Convenience) ผ่านการขยายสาขาให้ครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าขยายสาขาเป็นไม่น้อยกว่า 1,475 สาขา ภายในปี 2572 รวมถึงการพัฒนาช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ให้ครอบคลุม ครบถ้วน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าและ 4) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย (Build Product Choices) เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่างกัน เช่น การเพิ่มประเภทหลักประกันสำหรับสินเชื่อ การเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ประกัน และการเพิ่มจำนวนคู่ค้าบริษัทประกัน
 
นายธนันท์ ลิ้มสายพรหม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  จากศักยภาพในการแข่งขันที่สูงดังกล่าว ส่งผลให้ปี 2566-2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,430.7 ล้านบาท และ 3,033.2 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 24.8% และมีกำไรสุทธิ 131.7 ล้านบาท และ 141.6 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2568 มีรายได้รวม 1,517.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% และมีกำไรสุทธิ 235.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 285.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงผลประกอบการที่เติบโต  ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) อยู่ที่ 19.8% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่   15.1%  นอกจากนี้ TURBO ยังมีอัตรารายได้รวมหักค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิเฉลี่ย 21.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 18.0% อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความสามารถในการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
 
นายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า  TURBO  เป็นหุ้นที่มีจุดเด่นต่างจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีความสามารถสร้างรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม¹ และยังมีโอกาสเติบโตจากภาพรวมอุตสาหกรรมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 22.4% นับจากปี 2565 ถึงไตรมาส 1 ปี 2568 รวมถึงธุรกิจบริการผ่อนชำระเบี้ยประกันในธุรกิจนายหน้าประกันภัยและนายหน้าประกันชีวิตของกลุ่มบริษัทฯ ที่เติบโตเฉลี่ย 54.3% ต่อปีนับจากปี 2563 ถึงปี 2567 ตลอดจนการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่าย นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีความพร้อม โดยนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อ การติดตามทวงถามหนี้  การบริหารความเสี่ยงที่มีการติดตามผลข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที  และขับเคลื่อนองค์กรด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการเงินและเทคโนโลยี
 
ล่าสุด บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) มีผลใช้บังคับแล้ว โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ แบ่งเป็น 1) การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 447.78 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 16.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และ 2) การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89.22 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 3.3% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
 
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์  กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า วัตถุประสงค์การเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจให้บริการทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 19 – 23 กันยายน 2568 และคาดว่าจะสามารถนำหุ้น TURBO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ มองว่าราคาเสนอขาย IPO ดังกล่าวมีความเหมาะสม สะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตและพร้อมจะก้าวสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำของประเทศ
 
หมายเหตุ:¹กลุ่มผู้ให้บริการในอุตสาหกรรม 5 ราย ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.ย. 2568 เวลา : 17:26:15
19-09-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 18 ก.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี

2. ตลาดหุ้นปิด (18 ก.ย.2568) ลบ 9.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,297.01 จุด

3. ประกาศ กปน.: 20 ก.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลุมพินี

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ก.ย.68) ลบ 6.73 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,299.96 จุด

5. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3,640 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 3,680 เหรียญ

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนตกหนัก 80% ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 60% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ก.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ก.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,850 บาท

10. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) พุ่ง 260.42 จุด เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

11. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ก.ย.68) บวก 4.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,311.00 จุด

12. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) ร่วง 7.30 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

13. ตลาดหุ้นไทยปิด (17 ก.ย.2568) ลบ 1.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,306.69 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ก.ย.68) บวก 1.97 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,310.16 จุด

15. MTS Gold คาดราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,660-3,640 เหรียญ และแนวต้าน 3,700-3,720 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 19, 2025, 6:02 am