หุ้นทอง
Special Report : ตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงหนักสุดในรอบ 7 เดือน จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-AI


วิวัฒนาการของเทคโนโลยี นับเป็นความหวังของมนุษยชาติที่โหยหาการพัฒนาไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้นโดยปกติแล้ว ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Big Tech หรือบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่จากทางสหรัฐ จะได้รับความสนใจจากหมู่นักลงทุนทั่วโลก จนได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐโดยรวม แต่ความเปราะบางก็ยังมีอยู่ เนื่องจากความเป็นนามธรรมของเทคโนโลยีที่อาจยังมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างในการนำมาใช้อย่างชัดเจน ทำให้เมื่อตลาดมองว่าราคาหุ้นเทคโนโลยีมีราคาแพงเกินไป จะโดนดันราคาให้ต่ำลงมาจนอยู่ในจุดที่เหมาะสมตามบริบทของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ณ ขณะนั้น
 
เช่นเดียวกับช่วงการลงทุนของโลกยุคใหม่ ที่นักลงทุนในตลาดเริ่มมีความกังวลกับราคาของหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่พุ่งสูงเกินไป จนได้เกิดแรงเทขายที่กระทบลุกลามไปทั้งตลาดสหรัฐ ยุโรป และเอเชียอีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 ลดลง 1.12%, ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 1.90% และ Dow Jones ลดลง 0.84% ซึ่งถือได้ว่าร่วงหนักสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. ของปีเดียวกัน ส่วนดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรป ลดลง 1.31% ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่น ลดลง 1.48% ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ลดลง 1.81% ดัชนี HSI ของไต้หวัน ลดลง 1.22% ขณะที่ในฝั่งตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ปิดลบเล็กน้อย อ้างอิงจากดัชนี SSE หรือตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ที่ปิดตลาดลดลง 0.25%
 
โดยสาเหตุที่ตลาดมีความกังวลว่าหุ้นเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นในกลุ่ม AI มีราคาที่ Overpriced เกินไป มีที่มาจากทั้งในการวิเคราะห์เชิงเทคนิคของซีอีโอ Goldman Sachs วาณิชธนกิจและผู้ให้บริการทางการการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก ออกมาเตือนว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ 10–15% ในอีก 1 ถึง 2 ปีข้างหน้า ซึ่งคล้ายกับการซ้ำรอยของยุค “ฟองสบู่ดอทคอม” ที่เกิดการล่มสลายของบรรดาบริษัทเทคโนโลยี พร้อมกับชี้ว่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าวตอนนี้ก็มีมูลค่าสูงเกินจริง สอดคล้องกับทางซีอีโอของ JPMorgan หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะเข้าสู่ช่วงการปรับฐานครั้งใหญ่ในอีก 6 เดือน ถึง 2 ปี เนื่องจากความเสี่ยงของการบริหารบ้านเมืองในสหรัฐ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเข้มแข็งของศักยภาพทางทหารที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ที่จะกระตุ้นให้ตลาดโยกการเก็บเงินลงทุนเอาไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
 
และอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้นักลงทุนได้หันมาพิจารณาถึงมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกันมากขึ้น คือ การที่รัฐบาลสหรัฐเกิด Government Shutdown ที่ยืดเยื้อนานสุดในประวัติศาสตร์ อันทำให้ไม่มีการรายงานของข้อมูลทางเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ มาพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงิน ณ ปัจจุบัน ( เช่น ถ้าตลาดแรงงานดี มีการบริโภคเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่หากคนตกงานเยอะ คนบริโภคลดลง ก็จะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นเทคฯ กลับไปเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตร เป็นต้น)
 
 
นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีการแข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งเป็นการตอบรับสภาวะของการเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่างรุนแรงมาพึ่งพาสกุลเงินปลอดภัยที่เป็น  Safe Heaven อย่างพันธบัตรดอลลาร์สหรัฐ ก็ยิ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวลมากขึ้น ซึ่งกลับไปกระตุ้นให้คนขายหุ้นและโยกไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยกว่ามากขึ้นไปอีก นับเป็นความกังวลทางด้านจิตวิทยาที่ส่งผลเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของเทคโนโลยีและ AI โดยอาจลุกลามต่อไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม Electronics และกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีในระยะต่อไปได้อีก แต่ทั้งนี้หุ้นกลุ่มเทคฯ อาจได้รับการช่วยเหลือหากมีข่าวดีเข้ามาสนับสนุน อย่างเรื่องของการลดดอกเบี้ย ที่นักลงทุนส่วนใหญ่อ้างอิงจาก Fed Watch ของ CME Group ที่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.50%-3.75% ในการประชุมของเดือน ธ.ค. 2568 นี้

LastUpdate 09/11/2568 20:34:31 โดย : Admin
11-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (10 พ.ย.68) บวก 3.35 จุด ดัชนี 1,306.26 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (10 พ.ย.68) บวก 3.12 จุด ดัชนี 1,306.03 จุด

3. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50บาท/ดอลลาร์

4. MTS Gold คาดราคาทองคำมีโอกาสสูงที่ราคาจะขึ้นไปแตะระดับเป้าหมายที่บริเวณ 4,100 เหรียญได้ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,990 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,080 เหรียญ

5. กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 สหรัฐฯอาจใกล้ยุติชัตดาวน์

6. พยากรณ์อากาศวันนี้ (10 พ.ย.68) ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ภาคใต้ ฝั่ง ตต. ฝนฟ้าคะนอง 60% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 20% ภาคอีสาน 10%

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (10 พ.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์

8. ทองเปิดตลาดวันนี้ (10 พ.ย. 68) พุ่งขึ้น 500 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,700 บาท

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (10 พ.ย.68) บวก 3.40 จุด ดัชนี 1,306.31 จุด

10. ตลาดหุ้นปิด (7 พ.ย.2568) ลบ 10.40 จุด ดัชนี 1,302.91 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (7 พ.ย.68) ลบ 1.36 จุดดัชนี 1,311.95 จุด

12. พยากรณ์อากาศวันนี้ (7 พ.ย.68) "พายุคัลแมกี" อ่อนกำลัง จ่อเข้าโขงเจียม อุบลฯ บ่ายวันนี้ ส่งผลฝนฟ้าคะนองในภาคอีสาน-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 70% ภาคกลาง -ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 60% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ 40%

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (6 พ.ย.68) ลบ 1.9 ดอลลาร์ แต่แนวโน้มยังแกร่งจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (6 พ.ย.68) ร่วง 398.70 จุด กังวลฟองสบู่ AI แตก-ศก.ไม่แน่นอน

15. MTS Gold คาดราคาทองคำมีแนวรับที่ 60,600 บาท และแนวต้านที่ 61,600 บาท

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 11, 2025, 4:46 am