หุ้นทอง
TouristDigiPay กับมาตรการป้องกันการฟอกเงิน


หลังจากโครงการทดสอบการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการในประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ “TouristDigiPay” เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ 
โดย ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับ และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) สมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในการจับจ่ายใช้สอยด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะปักธงให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 เพื่อให้ทันรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง high season ปลายปีนี้    
       
ก.ล.ต. ไม่เพียงส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรการในการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม หนึ่งในนั้นคือ เรื่องของการป้องกันการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลหรือที่คนทั่วไปมักเรียกกันว่า “คริปโท” ก.ล.ต. จึงมีการเตรียมการเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในทางที่ผิด (misuse) โดยเริ่มตั้งแต่นักท่องเที่ยวเดินทางถึงประเทศไทยจนกระทั่งเดินทางกลับ

รู้จักกับ KYC และ CDD
 
ลำดับแรก คือ การรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้ให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ใช้เพื่อตรวจสอบตัวตนของลูกค้า และตรวจสอบข้อมูลที่ลูกค้าให้ไว้กับผู้ประกอบธุรกิจ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ก.ล.ต. กำหนด 
 
การทำ KYC/CDD จะทำให้ทราบวัตถุประสงค์และธุรกรรมที่ดำเนินอยู่ของผู้ใช้บริการ รวมทั้งป้องกันการปลอมแปลงหรือใช้ข้อมูลบุคคลอื่นในการทำผิดกฎหมาย โดยผู้ประกอบธุรกิจที่ให้บริการ TouristDigiPay จะต้องตรวจสอบตัวตนของลูกค้าตามเกณฑ์ความเสี่ยงสูงสุดของ ปปง. ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลผ่านเอกสารและข้อมูลชีวมิติ (Biometrics) ของลูกค้าแต่ละรายอย่างเข้มข้น เมื่อครบขั้นตอนแล้วจึงสามารถเปิด wallet ได้ 2 กระเป๋า คือ 1) กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล และ 2) กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักท่องเที่ยว (tourist wallet) 
 
จากนั้น ตรวจสอบแหล่งที่มาของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสกัดคริปโทสีเทา โดย Blockchain Forensics Tools ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใช้ในการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อดูความเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมายและการฟอกเงิน โดยเครื่องมือนี้จะช่วยในการวิเคราะห์ธุรกรรม (Transaction Analysis) ตลอดจนติดตามเส้นทางของสินทรัพย์ดิจิทัล (Tracing Funds) และการฝากหรือถอนเงินจากศูนย์ซื้อขาย (Exchange) นายหน้าซื้อขาย (Broker) และผู้ค้า (Dealer) สินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อตรวจหา wallet ที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินหรือการกระทำความผิด ซึ่งจะช่วยป้องกันและทำให้มั่นใจว่า การทดสอบ TouristDigiPay ไม่ใช่ช่องทางที่มิจฉาชีพมาใช้ในการฟอกเงินได้โดยง่าย  
 
จำกัดวงเงินให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยว
 
ธปท. และ ก.ล.ต. ได้จำกัดวงเงินในขั้นตอนต่าง ๆ โดยมีการจำกัดการขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อแปลงเป็นเงินบาทและเติมเข้าไป Tourist Wallet ได้ไม่เกิน 500,000 บาท/เดือน/บัญชี 
สำหรับวงเงินผ่านการสแกน QR code Promptpay เพื่อใช้จ่าย มีดังนี้
 
• จำกัดวงเงินการใช้จ่าย 500,000 บาท/เดือน/บัญชี สำหรับร้านค้าที่ใช้ Merchant QR
 
• จำกัดวงเงินการใช้จ่าย 50,000 บาท/เดือน/บัญชี สำหรับร้านค้ารายย่อยทั่วไป (ที่ใช้ Personal QR)
วงเงินดังกล่าวจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างชาติที่อ้างอิงจากตัวเลขการใช้จ่ายในปีที่ผ่านมา (ราว 5,000 บาทต่อวัน)
 
แต่ทั้งนี้ TouristDigiPay จะไม่สามารถใช้จ่ายที่ร้านค้าที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงิน เช่น ทองคำ อัญมณี เพชรพลอย พระเครื่อง ของเก่า คาสิโน หรือ สถานบริการ เป็นต้น
 
เข้ามาทางไหน กลับไปทางเดิม
 
สุดท้ายก่อนจากกัน หากนักท่องเที่ยวเหลือเงินใน Tourist Wallet และไม่ต้องการใช้จ่ายแล้ว จะต้องนำเงินจำนวนที่เหลือไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลคืน ผ่านบัญชีที่ได้เปิดไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ตอนขาเข้าประเทศ) โดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะโอนกลับไปยัง wallet นักท่องเที่ยวต่างชาติโอนเข้ามา โดยมีข้อกำหนดว่า มูลค่ารวมที่แลกคืนต้องไม่เกินมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่แลกเข้ามา 
ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ มาตรการที่ ก.ล.ต. และหน่วยงานพันธมิตรเตรียมพร้อมสำหรับ TouristDigiPay ที่จะทดสอบการให้บริการในระยะเวลา 18 เดือนต่อจากนี้ โดยหวังว่าจะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว และปูทางไปสู่พัฒนาการของนวัตกรรมใหม่ ๆ ในสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อยอย่างทั่วถึง พร้อมกันนั้นยังคงไว้ซึ่งเกราะป้องกันไม่เป็นทางผ่านของเงินสีเทาและมิจฉาชีพ    
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 พ.ย. 2568 เวลา : 20:08:42
06-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (6 พ.ย.2568) บวก 18.02 จุด ดัชนี 1,313.31 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (6 พ.ย.68) บวก 9.78 จุดดัชนี 1,305.07 จุด

3. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 225.76 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลเศรษฐกิจ สดใส

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (5 พ.ย.68) บวก 32.4 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่ซื้อทองเลี่ยงความเสี่ยงฟองสบู่ตลาดหุ้น

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (6 พ.ย.68) ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 60% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก 20% ภาคกลาง 10% ?พายุคัลแมกี?เคลื่อนเข้าปกคลุม จ.อุบลฯ 7 พ.ย.

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (6 พ.ย. 68) ปรับขึ้น 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 61,950 บาท

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (6 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์

9. MTS Gold คาดราคาทองคำรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนเพื่อรอการเลือกทางประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,960-3,930 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,000-4,020 เหรียญ

10. ตลาดหุ้นไทยเปิด (6 พ.ย.68) บวก 7.51 จุด ดัชนี 1,302.80 จุด

11. ตลาดหุ้นปิด (5 พ.ย.68) ลบ 3.31 จุด ดัชนี 1,295.29 จุด

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (5 พ.ย.68) ลบ 2.67 จุด ดัชนี 1,295.93 จุด

13. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (4 พ.ย.68) ร่วง 251.44 จุด หลังแบงก์ใหญ่เตือนตลาดหุ้นเสี่ยงเข้าสู่ภาวะปรับฐาน 10-20%

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (4 พ.ย.68) ร่วง 53.50 เหรียญ เหตุดอลลาร์แข็งค่าทุบตลาด

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 6, 2025, 7:29 pm