เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือน พ.ย.68 สะท้อนแนวโน้ม 6 เดือนข้างหน้า ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคอีสาน


“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และการเพาะปลูก ทั้งนี้ ควรติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้จัดทำแบบสำรวจพิเศษเพื่อประเมินนโยบาย Quick Big Win พบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และโครงการเที่ยวดีมีคืน เป็นมาตรการที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด”

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคพบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และการเพาะปลูก ทั้งนี้ ควรติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้จัดทำแบบสำรวจพิเศษเพื่อประเมินนโยบาย Quick Big Win พบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568  และโครงการเที่ยวดีมีคืน เป็นมาตรการที่ส่งผลต่อการเติบทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 77.6 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและการจ้างงาน จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องของภาครัฐและเอกชน ประกอบกับคาดว่าภาคธุรกิจและการลงทุนจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจ้างงานให้เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะหมดช่วงฤดูการท่องเที่ยวและเริ่มมีฝนตกในบางพื้นที่ และสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80.6 ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 75.8 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเป็นสำคัญ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนผู้ประกอบการของรัฐบาล การจัดโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีต่อเนื่อง รวมถึงอุปสงค์สินค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงฤดูการเพาะปลูก ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 74.7 โดยมีปัจจัยบวกจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยว และส่งเสริมผู้ประกอบการของรัฐบาล ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังมีศักยภาพในการเติบโตได้ต่อเนื่อง สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 72.7 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความเชื่อมั่นในภาคบริการและการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของเดือน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุทกภัยในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนล่างส่งผลกระทบต่อภาคบริการและการเกษตรจากการปิดการให้บริการของร้านค้า การเดินทางขนส่งที่ไม่สะดวก และภาคเกษตรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตามปกติ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 70.7 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร จากอุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามการเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อขยายตลาดสินค้าส่งออก ส่งเสริมผู้ประกอบการ สนับสนุนด้านพลังงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงฤดูการเพาะปลูกใหม่ และคาดว่าสภาพอากาศจะเอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม ควรต้องติดตามประเด็นความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และราคาต้นทุนการผลิต ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 70.2 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการและภาคเกษตร จากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวและภาคเกษตร กระตุ้นการบริโภค และส่งเสริมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักลงทุนและผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 64.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความเชื่อมั่นในภาคบริการและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการบางส่วนยังรอความชัดเจนและติดตามผลการดำเนินงานของรัฐบาลเพิ่มเติม

สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2568 กระทรวงการคลังได้จัดทำการสำรวจพิเศษเพื่อประเมินผลกระทบของนโยบาย Quick Big Win ซึ่งสะท้อนความสำเร็จตามเป้าหมาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” อย่างชัดเจน โดยในระยะสั้นพบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด เนื่องจากช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้นทันที ส่งผลให้ร้านค้ารายย่อยและธุรกิจท้องถิ่นมียอดขายเพิ่ม เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของจังหวัดอย่างรวดเร็ว รองลงมาคือ โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (เที่ยวดีมีคืน) ตามลำดับ สำหรับในระยะปานกลางถึงระยะยาว โครงการที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) (โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้) ตามลำดับ นอกจากนี้ ผลการสำรวจเกี่ยวกับหลักสูตรพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส พบว่า ทักษะเกี่ยวกับการใช้ช่องทางออนไลน์เป็นทักษะที่ได้รับความพึงพอใจมากที่สุดและได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทักษะที่เป็นที่ต้องการอื่น ๆ เช่น ความรู้ด้านภาษี การทำบัญชี การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ ความรู้ด้านเครือข่ายและความปลอดภัยไซเบอร์ การตลาด การเพิ่มมูลค่าสินค้าและการประชาสัมพันธ์ และการตั้งคำถามและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบรรลุเป้าหมาย เป็นต้น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 พ.ย. 2568 เวลา : 19:26:07
28-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (27 พ.ย.68) ลบ 8.47 จุด ดัชนี 1,252.71 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (27 พ.ย.68) บวก 0.05 จุด ดัชนี 1,261.23 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ลงซื้อ-ขึ้นขาย ในรูปแบบ "Sideways" แนวรับที่ 4,130-4,100 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,180-4,200 เหรียญ

4. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (26 พ.ย.68) บวก 25 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่ซื้อทองต่อเนื่อง รับความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

5. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (26 พ.ย.68) บวก 314.67 จุด รับหุ้นเทคฯฟื้น-คาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

6. พยากรณ์อากาศ (27 พ.ย.68) ทั่วไทยอากาศเย็นลง อุุณหภูมิลดลง 1-2 องศา เว้นภาคอีสาน ลด 2-4 องศา "ยอดดอย" 3 องศา, ภาคใต้ฝนลดลง ตก 40%

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (27 พ.ย. 68) ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,150 บาท

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (27 พ.ย.68) บวก 2.73 จุด ดัชนี 1,263.91 จุด

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.35 บาท/ดอลลาร์

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (27 พ.ย.68) ทรงตัวที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 พ.ย.68) ลบ 1.96 จุดดัชนี 1,266.82 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,120-4,100 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,190-4,220 เหรียญ

13. ทองเปิดตลาดวันนี้ (26 พ.ย. 68) ปรับขึ้น 150 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,150 บาท

14. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 พ.ย.68) บวก 5.32 จุด ดัชนี 1,274.10 จุด

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 พ.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2025, 8:20 am